เมนู

นั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ดูก่อนภิกษุ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่
อย่างนี้แล จึงจะไม่มีอหังการ มมังการ และมานานุสัย ในกายที่มี
วิญญาณนี้และสรรพนิมิตภายนอก.

ว่าด้วยกรรมที่อนัตตากระทำจะถูกต้องอัตตา


[192] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง ได้เกิดความปริวิตก
แห่งใจขึ้นว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ด้วยประการดังนี้แล
รูปเป็นอนัตตา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา กรรมที่
อนัตตากระทำแล้ว จักให้ผลแก่อัตตาได้อย่างไร. ครั้งนั้นแล พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของภิกษุนั้นด้วยพระทัยแล้ว
ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่
โมฆบุรุษบางคนในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจอวิชชา มีใจถูก
ตัณหาครอบงำ จะพึงสำคัญสัตถุศาสน์ ว่าเป็นคำสอนที่ควรคิดให้
ตระหนักว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ด้วยประการดังนี้แล
รูปเป็นอนัตตา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา กรรมที่
อนัตตากระทำแล้ว จักให้ผลแก่อัตตาได้อย่างไร? นี้เป็นเหตุ (ฐานะ)
ที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอันเราได้แนะนำไว้แล้ว
ด้วยการทวนถามในธรรมนั้น ๆ ในบาลีประเทศนั้น ๆ จะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง? ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
ภ ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า.