เมนู

อรรถกถาปาลิเลยยสูตรที่ 9



พึงทราบวินิจฉัยในปาลิเลยยสูตรที่ 9 ดังต่อไปนี้ :-

ภิกษุชาวเมืองโกสัมพีทะเลาะกัน


บทว่า จาริกํ ปกฺกามิ ความว่า ในคราวที่ภิกษุชาวเมือง
โกสัมพีทะเลาะกัน วันหนึ่ง พระศาสดาจึงทรงนำเรื่องของพระเจ้าทีฆี-
ติโกศลมาแล้วตรัสสอนด้วยพระคาถาทั้งหลายมีอาทิว่า
ไม่ว่าในกาลไหนๆ ในโลกนี้ เวรทั้งหลาย
ไม่ (เคย) ระงับด้วยเวรเลย.

วันนั้น เมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังทะเลาะกันอยู่ ราตรีก็สว่างแล้ว
แม้วันที่สองพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรื่องนั้นซ้ำอีก. แม้วันนั้น
เมื่อภิกษุเหล่านั้นยังคงทะเลาะกันอยู่เหมือนเดิม ราตรีก็สว่างแล้ว
ถึงวันที่ 3 พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังตรัสเรื่องนั้นซ้ำอีกแล.

พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปองค์เดียว


ครั้นแล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง จึงได้กราบทูลกะพระองค์อย่างนี้
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงขวนขวายน้อย
หมั่นประกอบการประทับอยู่เป็นสุขในปัจจุบันอยู่เถิด ข้าพระองค์
ทั้งหลายจักปรากฏ เพราะความบาดหมาง ทะเลาะวิวาทกันครั้งนี้เอง
พระศาสดาทรงดำริว่า โมฆบุรุษเหล่านี้มีจิตถูกโทสะครอบงำแล้วแล
เราตถาคตไม่สามารถจะไกล่เกลี่ยโมฆบุรุษพวกนี้ให้ยอมกันได้เลย
ดังนี้แล้วทรงดำริ (อีก) ว่า ประโยชน์อะไรของเราตถาคตกับโมฆบุรุษ
เหล่านี้ เราตถาคตจักอยู่ด้วยการเที่ยวจาริกไปคนเดียว.

พระศาสดาทรงดำริอย่างนี้แล้ว รุ่งเช้าครั้นทรงชำระพระวรกาย
เรียบร้อยแล้ว จึงได้เสด็จ (ออก) เที่ยวบิณฑบาตในเมืองโกสัมพี
มิได้ตรัสเรียกใคร ๆ (ให้ตามเสด็จไปด้วย) พระองค์เดียวเท่านั้นเสด็จ
หลีกจาริกไปไม่มีเพื่อนสอง.
พระเถระกล่าวคำนี้ว่า ยสฺมึ อาวุโส สมเย ก็เพราะท่านได้
ทราบการเสด็จเที่ยวไปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหมดว่า วันนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าจักเสด็จหลีกไปกับภิกษุรูปเดียว วันนี้จักเสด็จ
หลีกไปกับภิกษุสองรูป วันนี้จักเสด็จหลีกไปกับภิกษุ 100 รูป วันนี้
จักเสด็จหลีกไปกับภิกษุ 1,000 รูป และวันนี้จักเสด็จหลีกไปเพียงลำพัง
พระองค์เดียว คือ การเสด็จเที่ยวไปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหมด
ปรากฏคือ แจ่มแจ้งแก่พระเถระนั้น.

เสด็จสู่ป่าปาลิเลยยกะ


บทว่า อนุปุพฺเพน ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับคามนิคม พลางประสงค์จะโปรด
ภิกษุผู้อยู่ด้วยการเที่ยวจาริกไปแต่ลำพัง จึงได้เสด็จไปยังพาลกโลณ-
การคาม.
ณ พาลกโลณการคามนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอานิสงส์ใน
การอยู่ด้วยการเที่ยว (จาริก) ไปตามลำพัง แก่พระภัคคุเถระตลอด
เวลาหลังเสวยพระกระยาหารเสร็จ (ในเวลากลางวัน) และตลอดทั้ง
3 ยามในเวลากลางคืน รุ่งขึ้นทรงมีพระเถระนั้นเป็นปัจฉาสมณะเสด็จ
เที่ยวบิณฑบาตแล้วทรงให้พระเถระนั้นกลับในที่นั้นนั่นเอง ทรงดำริว่า
เราตถาคตจักโปรดกุลบุตร 3 คน (ภิกษุ 3 รูป) ผู้อยู่ด้วยกันด้วย