เมนู

ถามว่า เพราะเหตุไรพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเริ่มคำนี้ไว้ว่า
เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกเห็นอยู่อย่างนี้) ?
ตอบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มไว้ เพราะทรงประสงค์ว่า
เราตถาคตจักแสดงมหาขีณาสพที่ทำวัฏฏะให้พินาศแล้วยังดำรงอยู่.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสวิปัสสนาไว้ด้วยฐานะ (เหตุ) เพียงเท่านี้
แล บัดนี้เพื่อจะทรงแสดงมรรค 4 พร้อมทั้งวิปัสสนาจึงทรงเริ่มคำนี้
(เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว) ไว้.
อีกประการหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมรรคที่ 1 (โสดา-
ปัตติมรรค) ด้วยฐานะ (เหตุ) เพียงเท่านี้ บัดนี้ เพื่อจะทรงแสดง
มรรค 3 (สกิทาคามิมรรค, อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค) พร้อมทั้ง
วิปัสสนา จึงทรงเริ่มคำนี้ (เอวํ. ปสฺสํ ภิกฺขเว) ไว้.
อีกประการหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมรรค 3 ด้วยฐานะ
เพียงเท่านี้ บัดนี้ ทรงเริ่มคำนี้ (เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว) ไว้ แม้เพื่อจะทรง
แสดงอรหัตตมรรคพร้อมทั้งวิปัสสนา นั่นแล
บทว่า สปชาปติกา ได้แก่ พร้อมทั้งท้าวเทวราชผู้เป็นปชาบดี.
บทว่า อารกาว นมสฺสนฺติ แปลว่า (เทวดาทั้งหลาย) นมัสการแต่
ที่ไกลทีเดียว คือนมัสการภิกษุผู้อยู่แม้ในที่ไกลนั่นแล เหมือนนมัสการ
ท่านพระนิฏเถระ ฉะนั้น.

พระนิฏเถระ


มีเรื่องเล่าว่า พระเถระออกบวชจากตระกูลคนเทดอกไม้ ได้
บรรลุพระอรหัตตผลในเวลาปลงผมเสร็จนั่นเองแล้วคิดว่า เราเพิ่งบวช
วันนี้เอง กิจบรรพชิตของเราก็ถึงที่สุด (สำเร็จ) วันนี้เหมือนกัน

เราจักบำเพ็ญมหาอริยวังสปฏิปทาของบัณฑิตที่มีการเจริญความ
สันโดษในปัจจัย 4 เป็นที่มายินดี.
ท่านเข้าไปในกรุงสาวัตถี ต้องการ (แสวงหา) ผ้าบังสุกุล
แล้วเที่ยวแสวงหาท่อนผ้าอยู่. ขณะนั้น ท้าวมหาพรหมองค์หนึ่งออกจาก
สมาบัติแล้วตรวจดูถิ่นมนุษย์อยู่เห็นพระเถระ คิดว่า พระเถระเพิ่งบวช
ในวันนี้เอง แล้วก็ได้บรรลุพระอรหัตตผลในเวลาปลงผมเสร็จในวันนี้
เช่นกัน (บัดนี้) กำลังแสวงหาท่อนผ้าอยู่เพื่อบำเพ็ญมหาอริยวังสปฏิปทา
ดังนี้แล้ว ได้ยืนประคองอัญชลีนมัสการอยู่.
ต่อมา ท้าวมหาพรหมอีกท่านหนึ่ง เห็นท้าวมหาพรหมองค์แรก
ยืนประคองอัชลีนมัสการอยู่อย่างนั้นจึงถามว่า "ท่านนมัสการใคร?"
"นมัสการพระนิฏเถระ"
"เพราะเหตุไร?"
"พระนิฏเถระเพิ่งบวชในวันนี้เอง แล้วได้บรรลุพระอรหัตตผล
ในเวลาปลงผมเสร็จในวันนี้เช่นกัน (บัดนี้) กำลังแสวงหาท่อนผ้าอยู่
เพื่อบำเพ็ญมหาอริยวังสปฏิปทา"
ท้าวมหาพรหมแม้นั้นก็ได้ยืนนมัสการพระเถระนั้น (เช่นกัน)
ขณะนั้น ท้าวมหาพรหมอื่น ๆ (ก็ทยอยกันมา) รวมเป็นท้าวมหาพรหม
700 ได้ยืนนมัสการ (พระนิฏเถระ).
ด้วยเหตุนั้น พระโบราณาจารย์จึงกล่าวบทประพันธ์เป็นคาถาไว้ว่า
เทวดาเหล่านั้น จำนวนมากถึง 700
ออกจากพรหมวิมาน มีจิตเลื่อมใส

นมัสการพระนิฏเถระอยู่ พระเถระ
เป็นพระขีณาสพ รับผ้าบังสุกุล.
ฯลฯ
เป็นพระขีณาสพทำผ้าบังสุกุล

ในพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยึดยอดพระอรหัตต์
โดยทรงขยายเทศนาออกไป ด้วยภพทั้ง 3 ด้วยประการฉะนี้.
เวลาจบเทศนา ภิกษุ 500 รูป ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์.
จบอรรถกถาขัชชนิยสูตร

8. ปิณโฑลยสูตร



ว่าด้วยเหตุที่ต้องดำรงชีพด้วยบิณฑบาต



[165] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ใกล้พระนครกบิลพัศดุ์ สักกชนบท ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงขับไล่ภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเรื่องหนึ่งแล้ว เวลาเช้า ทรงผ้า
อันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังพระนคร
กบิลพัศดุ์. ครั้นแล้ว ในเวลาปัจฉาภัต เสด็จกลับจากบิณฑบาต
เสด็จไปยังป่ามหาวัน เพื่อประทับพักในกลางวัน ครั้นเสด็จถึงป่า-
มหาวันแล้ว ได้ประทับนั่งพักกลางวัน ณ โคนต้นมะตูมหนุ่ม. ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จหลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดพระปริวิตกขึ้น
ว่า เราแลได้ขับไล่ภิกษุสงฆ์ให้ไปแล้ว ในภิกษุสงฆ์เหล่านี้ พวกภิกษุ
ใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้มีอยู่ เมื่อภิกษุเหล่านั้นไม่เห็น
เรา ต้องว้าเหว่ใจ คงเปลี่ยนแปลงจิตใจ เหมือนลูกโคน้อย ๆ เมื่อ
ไม่เห็นแม่ ต้องว้าเหว่ใจ คงเปลี่ยนแปลงจิตใจฉะนั้น (และ) เหมือนกับพืชที่
ยังอ่อน ๆ ไม่ได้น้ำ พึงมีความผันแปรเปลี่ยนแปลงไปฉะนั้น ถ้ากระไร