เมนู

พ. ดูก่อนภิกษุ ก็เธอรู้ซึ้งถึงอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้ว
อย่างย่อ โดยพิสดารได้อย่างไรเล่า.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ เป็นอนัตตา ข้าพระองค์ควรละความพอใจในสิ่งนั้น ๆ เสีย
ข้าพระองค์รู้ซึ้งถึงอรรถแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว
อย่างย่อ โดยพิสดารอย่างนี้แล.
พ. ดีแล้ว ๆ ภิกษุ เธอรู้ซึ้งถึงอรรถแห่งคำที่เรากล่าวอย่างย่อ
โดยพิสดารอย่างดีแล้ว ดูก่อนภิกษุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
และวิญญาณ เป็นอนัตตา ควรละความพอใจในธรรมนั้น ๆ เสีย
เธอพึงทราบอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้วอย่างย่อ โดยพิสดาร
อย่างนี้เถิด ฯลฯ ภิกษุนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวน
พระอรหันต์ทั้งหลาย.
จบ อนัตตสูตรที่ 6

อรรถกถาทุกขสูตรที่ 5 - อนัตตสูตรที่ 6



แม้ในทุกขสูตรที่ 5 และอนัตตสูตรที่ 6 ก็นัยนี้เหมือนกัน.
จบ อรรถกถาทุกขสูตรที่ 5 - อนัตตสูตรที่ 6

7. อนัตตนิยสูตร



ว่าด้วยการละความพอใจในสิ่งมิใช่ของตน



[145] กรุงสาวัตถี. ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ. ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ

ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดประทานพระวโรกาส โปรดแสดง
พระธรรมเทศนาโดยสังเขปแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้สดับแล้ว
ฯลฯ มีใจมั่นคงอยู่เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ สิ่งใดแลมิใช่เป็นของตน
เธอควรละความพอใจในสิ่งนั้นเสีย.
ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ทราบแล้ว ข้าแต่
พระสุคต ข้าพระองค์ทราบแล้ว.
พ. ดูก่อนภิกษุ ก็เธอรู้ซึ้งถึงอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้ว
อย่างย่อ โดยพิสดารได้อย่างไรเล่า.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ มิใช่เป็นของตน ข้าพระองค์ควรละความพอใจในสภาวะนั้นๆ
เสีย ข้าพระองค์รู้ซึ้งถึงอรรถแห่งพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสแล้วอย่างย่อ โดยพิสดารอย่างนี้แล.
พ. ดีแล้ว ๆ ภิกษุ เธอรู้ซึ้งถึงอรรถแห่งคำที่เรากล่าวอย่างย่อ
โดยพิสดารอย่างดีแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป เวทนา สัญญา สังขาร
และวิญญาณ มิใช่เป็นของตน ควรละความพอใจในสภาวะนั้น ๆ เสีย
เธอพึงทราบอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้วอย่างย่อ โดยพิสดารอย่างนี้
เถิด ฯลฯ ภิกษุรูปนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์
ทั้งหลาย.
จบ อนัตตนิยสูตรที่ 7

อรรถกถาอนัตตนิยสูตรที่ 7



ในอนัตตนิยสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อนตฺตนิยํ ได้แก่ มิใช่ของของตน อธิบายว่า สูญจาก
ความเป็นบริขารของตน.
จบ อรรถกถาอนัตตนิยสูตรที่ 7

7. รชนิยสัณฐิตสูตร



ว่าด้วยการละความพอใจในสิ่งจูงใจให้กำหนัด



[146] กรุงสาวัตถี. ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดประทานพระวโรกาสโปรดแสดง
พระธรรมเทศนาโดยสังเขปแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้สดับแล้ว
ฯลฯ มีใจมั่นคงอยู่เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ สิ่งใดแลจูงใจให้กำหนัด
เธอควรละความพอใจในสิ่งนั้นเสีย
ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ทราบแล้ว ข้าแต่
พระสุคต ข้าพระองค์ทราบแล้ว.
พ. ดูก่อนภิกษุ ก็เธอรู้ซึ้งถึงอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้ว
อย่างย่อ โดยพิสดารได้อย่างไรเล่า.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ ล้วนจูงใจให้กำหนัด ข้าพระองค์ควรละความพอใจในสิ่งนั้น ๆ