เมนู

มัชฌิมปัณณาสก์



อุปายวรรคที่ 1



1. อุปายสูตร



ว่าด้วยสิ่งที่เป็นความหลุดพ้นและไม่หลุดพ้น



[105] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเข้าถึง ด้วยอำนาจ
ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เป็นความไม่หลุดพ้น ความไม่เข้าถึง เป็น
ความหลุดพ้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงรูปก็ดี เมื่อตั้งอยู่
พึงตั้งอยู่ วิญญาณที่มีรูปเป็นอารมณ์ มีรูปเป็นที่ตั้ง มีความยินดีเป็นที่
เข้าไปซ่องเสพ พึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ฯลฯ วิญญาณที่มี
สังขารเป็นอารมณ์ มีสังขารเป็นที่ตั้ง มีความยินดีเป็นที่เข้าไปซ่องเสพ
พึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าว
อย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ อุปบัติ หรือความเจริญ
งอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร
ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าความกำหนัดใน
รูปธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสัญญาธาตุ ในสังขารธาตุ ในวิญญาณธาตุ
เป็นอันภิกษุละได้แล้วไซร้ เพราะละความกำหนัดเสียได้ อารมณ์
ย่อมขาดสูญ ที่ตั้งแห่งวิญญาณย่อมไม่มี วิญญาณอันไม่มีที่ตั้ง
ไม่งอกงาม ไม่แต่งปฏิสนธิ หลุดพ้นไป เพราะหลุดพ้นไป จึงดำรงอยู่

เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อ
ไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น ภิกษุนั้นย่อมทราบชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ อุปายสูตรที่ 1

อรรถกถาอุปายสูตรที่ 1



ในอุปายสูตรที่ 1 แห่งอุปายวรรคมีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปาโย ได้แก่ เข้าถึงขันธ์ 5 ด้วยอำนาจ ตัณหา มานะ
และทิฏฐิ บทว่า วิญฺญาณํ ได้แก่ กรรมวิญญาณ (วิญญาณที่เกิดแต่
กรรม). บทว่า อาปชฺเชยฺย ได้แก่พึงให้กรรมย่อยยับไปแล้วถึง
ความเจริญเป็นต้นโดยความเป็นธรรมชาติสามารถรั้งปฏิสนธิมาได้.
เหตุในการไม่ถือเอาบทว่า วิญฺญาณูปายํ ท่านได้กล่าวไว้แล้วนั่นแล.
บทว่า โวจฺฉิชฺชตารมฺมฌํ ความว่า อารมณ์ย่อมขาดลง เพราะความ
ไม่สามารถรั้งปฏิสนธิมา. บทว่า ปติฏฺฐา วิญฺญาณสฺส ความว่า
กรรมวิญญาณย่อมไม่มีที่ตั้งอาศัย. บทว่า ตทปฺปติฏฺฐิตํ ตัดบทเป็น
ตํ อปฺปติฏฺฐิตํ. บทว่า อนภิสํขจฺจ วิมุตฺตํ ความว่า ไม่ปรุงแต่งปฏิสนธิ
หลุดพ้นไป.
จบ อรรถกถาอุปายสูตรที่ 1

2. พีชสูตร



ว่าด้วยอุปมาวิญญาณด้วยพืช



[106] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย พืช 5 อย่างนี้ 5 อย่างเป็นไฉน คือ พืชงอกจากเหง้า 1