เมนู

ได้ยิน.
บทว่า คมฺภีรา ความว่า ว่าโดยบาลีพระสูตรทั้งหลายที่ลึก เช่น
สัลลสูตร. บทว่า คมฺภีรตฺถา ความว่า ว่าด้วยอรรถ พระสูตรทั้งหลาย
ที่ลึก เช่นมหาเวทัลลสูตร. บทว่า โลกุตฺตรา ได้แก่แสดงอรรถอันเป็น
โลกุตตระ. บทว่า สุญฺญตปฏิสญฺญุตฺตา ความว่า เหมือนประกอบ
ข้อความที่ประกาศเพียงสุญญตธรรมเท่านั้น. บทว่า อุคฺคเหตพฺพํ
ปริยาปุณิตพฺพํ
ความว่า ที่ควรเล่าเรียนและควรศึกษา. บทว่า กวิกตา
ความว่า อันกวี คือนักปราชญ์รจนาไว้. นอกนั้นเป็นไวพจน์ของบทว่า
กวิกตา นั่นเอง. บทว่า จิตฺตกฺขรา ได้แก่ มีอักษรวิจิตร. นอกนั้นเป็น
ไวพจน์ของบทว่า จิตฺตกฺขรา นั่นเอง. บทว่า พาหิรกา ได้แก่ มีภาย
นอกพระศาสนา. บทว่า สาวกภาสิตา ความว่า พระสูตรเหล่านั้นเป็น
สาวกภาษิต. บทว่า สุสฺสุสิสฺสนฺติ ความว่า สามเณร ภิกษุหนุ่ม
มาตุคาม และมหาคหบดีเป็นต้น มีความพอใจ เพราะพระสูตรเหล่านั้นมี
อักษรวิจิตรและสมบูรณ์ด้วยการฟัง จักเป็นผู้ปรารถนาประชุมฟังด้วยคิด
ว่า ผู้นี้เป็นธรรมกถึก. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้น พระสูตร
ทั้งหลายที่เป็นตถาคตภาษิต เมื่อพวกเราไม่ศึกษา ย่อมอันตรธานไป.
จบอรรถกถาอาณีสูตรที่ 7

8. กลิงครสูตร



ว่าด้วยหมอนท่อนไม้หนุนศีรษะและเท้า



[674] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคาร-
ศาลา ป่ามหาวัน กรุงเวสาลี.
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส

เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายได้ทูลรับพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า พระพุทธเจ้าข้า.
[675] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใน
ปัจจุบัน พวกกษัตริย์ลิจฉวีผู้ทรงไว้ซึ่งหมอนท่อนไม้หนุนศีรษะะและเท้า
ย่อมเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรในการฝึกซ้อมศิลปะ พระเจ้าอชาตสัตรู
เวเทหิบุตร พระเจ้าแผ่นดินมคธ ย่อมไม่ได้ช่อง ไม่ได้โอกาส แต่
กษัตริลิจฉวีเหล่านั้น ในอนาคตกาล พวกกษัตริย์ลิจฉวีจักเป็นกษัตริย์
สุขุมาลชาติ มีมือและเท้าอันอ่อนนุ่ม จักสำเร็จการนอนบนที่นอน มี
ฟูกและหมอนหนาอันอ่อนนุ่ม จนกว่าพระอาทิตย์ขึ้น พระเจ้าอชาตสัตรู
เวเทหิบุตร พระเจ้าแผ่นดินมคธ จักได้ช่อง ได้โอกาส แต่กษัตริย์
ลิจฉวีเหล่านั้น.
[676] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในปัจจุบัน พวกภิกษุผู้เข้าไปทรง
ไว้ซึ่งหมอนท่อนไม้หนุนศีรษะและเท้า ย่อมเป็นผู้ไม่ประมาท มีความ
เพียร ในการเริ่มตั้งความเพียรอยู่ มารผู้มีบาปย่อมไม่ได้ช่อง ย่อมไม่ได้
โอกาส แต่ภิกษุเหล่านั้น ในอนาคตกาล พวกภิกษุจักเป็นสุขุมาลชาติ
มีมือเท้าอันอ่อนนุ่ม จักสำเร็จการนอนบนที่นอนมีฟูกและหมอนหนาอัน
อ่อนนุ่ม จนกว่าพระอาทิตย์ขึ้น มารผู้มีบาป ย่อมได้ช่อง ได้โอกาส
แก่พวกเธอเหล่านั้น เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราจักเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งหมอนท่อนไม้หนุนศีรษะและเท้า ไม่ประมาท มี
ความเพียร ในการเริ่มตั้งความเพียรไว้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
พึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
จบกลิงครสูตรที่ 8

อรรถกถากลิงครสูตรที่ 8



ในกลิงครสูตรที่ 8 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า กลิงฺครูปธานา ได้แก่ กระทำท่อนไม้ คือท่อนไม่ตะเคียน
เป็นหมอนหนุนศีรษะและหนุนเท้า. บทว่า อปฺปมตฺตา ได้แก่ ไม่
ประมาทในการเรียนศิลปะ. บทว่า อาตาปิโน ได้แก่ เริ่มประกอบความ
เพียรคือความหมั่นอันเป็นเหตุทำกิเลสให้เร่าร้อน. บทว่า อุปาสนสฺมึ
ได้แก่ ในการเริ่มประกอบศิลปะและในการเข้าไปนั่งใกล้อาจารย์. ได้ยินว่า
ในกาลนั้น พวกเขาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ไปโรงศิลปะ เรียนศิลปะในโรงศิลปะ
นั้นแล้ว กระทำการประกอบความเพียรด้วยการเรียนและการสาธยาย
เป็นต้น ล้างหน้าแล้ว ไปดื่มข้าวยาคู ดื่มข้าวยาคูแล้วไปสู่โรงศิลปะอีก
กระทำการสาธยาย ไปกินอาหารเช้า กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว คิดว่า ขอ
พวกเราอย่าได้หลับนานด้วยความประมาทเลย แล้วหนุนศีรษะและเท้าที่
ท่อนไม้ตะเคียน หลับไปหน่อยหนึ่งแล้วไปโรงศิลปะอีก เรียนสาธยายศิลปะ
และเวลาเย็นกระทำการสาธยายศิลปะ กลับไปเรือนบริโภคอาหารเย็น ปฐม-
ยามกระทำการสาธยาย เวลาเย็นนอนหนุนท่อนไม้เหมือนอย่างนั้นนั่นแล
เขาเหล่านั้น ไม่รู้ขณะ และมีปัญญาอ่อน ซึ่งท่านหมายเอากล่าวไว้ดังนี้.
บทว่า โอตารํ แปลว่า ช่อง. บทว่า อารมฺมณํ ได้แก่ ปัจจัย.
บทว่า ปธานสฺมึ ได้แก่ กระทำความเพียรในสถานที่สำหรับทำความเพียร.
ได้ยินว่า ในครั้งปฐมโพธิกาล ภิกษุทั้งหลาย กระทำภัตกิจเสร็จ
แล้วมนสิการพระกรรมฐาน เมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังมนสิการอยู่นั้นแล
พระอาทิตย์ก็อัสดงคต. ภิกษุเหล่านั้น อาบน้ำแล้ว ลงจงกรมอีก จง-