4. นิจฉวิสูตร
ว่าด้วยสัตว์ไม่มีผิวหนังลอยในอากาศ
[643 ] ฯ ล ฯ พระมหาโมคคัลละได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจาก
ภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษไม่มีผิวหนังลอยอยู่ในเวหาส แร้งบ้าง กาบ้าง
พญาแร้งบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิกทิ้งบุรุษนั้น ได้ยินว่า บุรุษนั้นส่งเสียงร้อง
ครวญคราง ฯลๆ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นคนฆ่าแกะขาย
อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบนิจฉวิสูตรที่ 4
อรรถกถานิจฉวิสูตรที่ 4
ในเรื่องสัตว์ไม่มีผิวหนัง มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
เมื่อพรานแกะนั้น ฆ่าแกะถลกหนังออกขายเลี้ยงชีพ ร่างของแกะ
ที่ไม่มีหนัง ได้ปรากฏเป็นนิมิตโดยนัยก่อนนั่นแล. เพราะฉะนั้น พราน
แกะนั้นจึงเกิดเป็นนิจฉวิเปรต.
จบอรรถกถานิจฉวิสูตรที่ 4
5. อสิสูตร
ว่าด้วยบุรุษมีขนเป็นดาบลอยในอากาศ
[644] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมา
จากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษผู้มีขนเป็นดาบลอยอยู่ในเวหาส ดาบเหล่า
นั้นของบุรุษนั้นลอยขึ้นไป ๆ แล้วก็ตกลงที่กายของบุรุษนั้นแหละได้ยินว่า
บุรุษนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้
เป็นคนฆ่าสุกรขาย อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบอสิสูตร
อรรถกถาอสิสูตรที่ 5
ในเรื่องสัตว์มีขนเป็นดาบ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
คนผู้ฆ่าสุกรนั้น เอาดาบฆ่าสุกรที่เลี้ยงดูด้วยผักตลอดกาลนาน
เลี้ยงชีพตลอดกาลนาน. ภาวะที่เขาเงื้อดาบนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต
เพราะนั้น เขาจึงเกิดเป็นอสิโลมเปรต.
จบอรรถกถาอสิสูตรที่ 5
6. สัตติสูตร
ว่าด้วยบุรุษมีขนเป็นหอก
[645] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษมีขนเป็นหอกลอยอยู่ในเวหาส หอก
เหล่านั้นของบุรุษนั้นลอยขึ้นไป ๆ แล้วก็ตกลงที่กายของบุรุษนั้นเอง ได้
ยินว่า บุรุษนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์
นี้ได้เป็นคนฆ่าเนื้อขาย อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯลฯ.
จบสัตติสูตรที่ 6
อรรถกถาสัตติสูตรที่ 6
ในเรื่องสัตว์มีขนเป็นหอก มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
คนผู้ฆ่าเนื้อนั้น พาเนื้อตัวหนึ่ง [สำหรับล่อเนื้อ] และถือหอก