เมนู

สัตว์นั้นจุติจากนรก ชิ้นเนื้อนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต. สัตว์นั้นจึงเกิด
เป็นมังสเปสิเปรต.
จบอรรถกถาเปสิสูตรที่ 2

3. ปิณฑสูตร



ว่าด้วยก้อนเนื้อลอยอยู่ในอากาศ



[642] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลง
มาจากภูเขาคิมฌกูฏ ได้เห็นก้อนเนื้อลอยอยู่ในเวหาส แร้งบ้าง กาบ้าง
พญาแร้งบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิกทิ้งก้อนเนื้อนั้น ได้ยินว่า ก้อนเนื้อนั้น
ส่งเสียงร้องครวญคราง ฯล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นคนฆ่า
นกขาย อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบปิณฑสูตรที่ 3

อรรถกถาปิณฑสูตรที่ 3



ในเรื่องก้อนเนื้อ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สากุณิโก ความว่า ในเวลาจับนกมาขาย พรานนกเอาขน
และหนังออก เหลือไว้แต่ก้อนเนื้อ ขายเลี้ยงชีพ. ด้วยเหตุนั้น ในเวลา
ที่สัตว์นั้นจุติจากนรก ก้อนเนื้อนั่นแล ได้ปรากฏเป็นนิมิต. สัตว์นั้น
จึงเกิดเป็นมังสปิณฑเปรต (เปรตก้อนเนื้อ).
จบอรรถกถาปิณฑสูตรที่ 3

4. นิจฉวิสูตร



ว่าด้วยสัตว์ไม่มีผิวหนังลอยในอากาศ



[643 ] ฯ ล ฯ พระมหาโมคคัลละได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจาก
ภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษไม่มีผิวหนังลอยอยู่ในเวหาส แร้งบ้าง กาบ้าง
พญาแร้งบ้าง ต่างก็โผถลาตามจิกทิ้งบุรุษนั้น ได้ยินว่า บุรุษนั้นส่งเสียงร้อง
ครวญคราง ฯลๆ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้ได้เป็นคนฆ่าแกะขาย
อยู่ในกรุงราชคฤห์นี้เอง ฯ ล ฯ.
จบนิจฉวิสูตรที่ 4

อรรถกถานิจฉวิสูตรที่ 4



ในเรื่องสัตว์ไม่มีผิวหนัง มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
เมื่อพรานแกะนั้น ฆ่าแกะถลกหนังออกขายเลี้ยงชีพ ร่างของแกะ
ที่ไม่มีหนัง ได้ปรากฏเป็นนิมิตโดยนัยก่อนนั่นแล. เพราะฉะนั้น พราน
แกะนั้นจึงเกิดเป็นนิจฉวิเปรต.
จบอรรถกถานิจฉวิสูตรที่ 4

5. อสิสูตร



ว่าด้วยบุรุษมีขนเป็นดาบลอยในอากาศ



[644] ฯ ล ฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมา
จากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษผู้มีขนเป็นดาบลอยอยู่ในเวหาส ดาบเหล่า