เมนู

ควรซึ่งทายาทคือพระธรรมโอวาท หรือทายาทคือโลกุตรธรรม 9. บทว่า
ปฏิคฺคหิตานิ สาณานิ ปํสุกูลานิ ความว่า รับผ้าบังสุกุลจีวร
อันพระศาสดาทรงครองแล้ว เพื่อประโยชน์แก่การครอง.
บทว่า สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ความว่า เมื่อบุคคลจะพูดให้ถูก
พึงพูดถึงบุคคลใดด้วยคุณเป็นต้นว่า บุตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อ
พูดถึงบุคคลนั้นให้ถูกพึงพูดถึงเราว่า เรามีรูปเห็นปานนี้ ดังนี้. บรรพชา
อันพระเถระให้บริสุทธิ์แล้วด้วยคำมีประมาณเท่านี้. ในข้อนี้มีอธิบายว่าท่าน
ผู้มีอายุ อุปัชฌาย์อาจารย์ของผู้ใดไม่ปรากฏ ผู้นั้นอุปัชฌาย์ไม่ อาจารย์
ไม่มี โกนหัวโล้นถือเอาผ้ากาสายะเอง ถึงการนับว่าเขารีตเดียรถีย์หรือ ได้
การต้อนรับตลอดหนทาง 3 คาวุตอย่างนี้ ได้บรรพชาหรืออุปสมบทด้วย
โอวาท 3 ได้เปลี่ยนจีวรด้วยกาย ท่านเห็นคำแม้ทุพภาษิตเพียงไรของ
ถุลลนันทาภิกษุณีไหม. พระเถระให้บรรพชาบริสุทธิ์อย่างนี้แล้ว บัดนี้
เพื่อบันลือสีหนาทด้วยอภิญญา 6 จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า อหํ โข อาวุโส.
คำที่เหลือพึงทราบโดยนัยก่อนนั่นแล.
จบอรรถกถาจีวรสูตรที่ 11

12. ปรัมมรณสูตร



ว่าด้วยสัตว์ตายไปแล้วเกิดอีกหรือไม่เกิด



[528] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหากัสสปและท่านพระสารีบุตร
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี. ครั้งนั้น ท่านพระ
สารีบุตรออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระมหากัสสปถึงที่อยู่

ครั้นเข้าไปหาแล้วได้ปราศรัยกะท่านพระมหากัสสป ครั้นผ่านการปราศรัย
พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[529] ครั้นท่านพระสารีบุตรนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่าน
พระมหากัสสปว่า ดูก่อนท่านกัสสป สัตว์เมื่อตายไปแล้วเกิดอีกหรือ.
ท่านพระมหากัสสปตอบว่า ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรง
พยากรณ์ไว้.
สา. สัตว์เมื่อตายไปแล้วไม่เกิดอีกหรือ.
ก. แม้ข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงพยากรณ์ไว้.
สา. สัตว์เมื่อตายไปแล้ว เกิดก็มี ไม่เกิดก็มีหรือ.
ก. ข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็มิได้ทรงพยากรณ์ไว้
สา. สัตว์เมื่อตายไปแล้ว เกิดอีกก็หามิได้ ไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ.
ก. แม้ข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็มิได้ทรงพยากรณ์ไว้.
สา. เพราะเหตุไรหรือ ข้อที่กล่าวถึงนั้น ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงมิได้ทรงพยากรณ์ไว้.
ก. เพราะข้อนั้นไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งการประพฤติ
พรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความหมายหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับกิเลส
เพื่อเข้าไปสงบ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
จึงมิได้ทรงพยากรณ์ไว้.
[530] สา. ถ้าเช่นนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ไว้
อย่างไรเล่า.
ก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า นี้ทุกข์ นี้เหตุเกิดแห่ง
ทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให้ถึงความดับทุกข์.

สา. ก็เพราะเหตุไร ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ไว้.
ก. เพราะข้อนั้นมีประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งการประพฤติ
พรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับกิเลส เพื่อ
เข้าไปสงบ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าจึงทรงพยากรณ์ไว้.
จบปรัมมรณสูตรที่ 12

อรรถกถาปรัมมรณสูตรที่ 12



พึงทราบวินิจฉัยในปรัมมรณสูตรที่ 12 ดังต่อไปนี้.
บทว่า ตถาคโต คือ สัตว์. บทว่า น เหตํ อาวุโส อตฺถสญฺหิตํ
ความว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ข้อนั้นคือทิฏฐิไม่อิงประโยชน์. บทว่า นาทิพฺรหฺม-
จริยกํ
ความว่า ไม่เป็นข้อปฏิบัติเบื้องต้นแห่งมรรคพรหมจรรย์.
บทว่า เอตญฺหิ อาวุโส อตฺถสญฺหิตํ ความว่า ข้อนั้น คือสัจจ-
กัมมัฏฐาน 4 อิงประโยชน์. บทว่า อาทิพฺรหฺมจริยกํ ข้อนั้น คือ
เบื้องต้น ได้แก่ข้อปฏิบัติเบื้องต้นแห่งมรรคพรหมจรรย์.
จบอรรถกถาปรัมรณสูตรที่ 12

13. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร



ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป



[531] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ครั้งนั้น ท่านพระ-