เมนู

สังขารที่ให้อัตภาพนั้นเกิด ก็เหมือนเวลาที่เห็นโคนหาง. ก็ปัจจยวัฏไม่มา
ในบาลีในที่ใด ๆ ในที่นั้น ๆ อย่าถือว่า เทศนาไม่บริบูรณ์ พึงถือเอา
โดยนัยว่า บริบูรณ์ทีเดียว เปรียบเหมือนบุรุษนั้น เมื่อมองดูใต้ท้อง
แม้จะไม่เห็นปลายหาง และเท้าทั้ง 4 ก็ไม่ถือว่า จระเข้มีอวัยวะไม่บริบูรณ์
แต่ถือโดยนัยว่า บริบูรณ์ฉะนั้น. ก็ในข้อนั้น ทรงแสดงวัฏฏะมีสนธิ
สังเขป 3 ประการ คือ ระหว่างอาหารและตัณหา จัดเป็นสนธิหนึ่ง
ระหว่างตัณหาและเจตนา จัดเป็นสนธิหนึ่ง ระหว่างวิญญาณและสังขาร
จัดเป็นสนธิหนึ่ง ดังพรรณนามาฉะนี้.
จบอรรถกถาอาหารสูตรที่ 1

2. ผัคคุนสูตร



ว่าด้วยพระผัคคุนะทูลถามเรื่องอาหาร



[31] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 เหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของ
หมู่สัตว์ผู้เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด อาหาร
4 เป็นไฉน. [ 1 ] กวฬีการาหารหยาบหรือละเอียด [ 2 ] ผัสสาหาร
[ 3 ] มโนสัญเจตนาหาร [ 4 ] วิญญาณาหาร อาหาร เหล่านี้แล
ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ผู้เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์
[32] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนั้นแล้ว ท่านพระโมลิย-
ผัคคุนะได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า พระพุทธเจ้าข้า ใครหนอ