เมนู

3. ติงสมัตตาสูตร



ว่าด้วยภิกษุชาวเมืองปาเวยยะ 30 รูป



ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร



[445] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลนทก-
นิวาปสถาน กรุงราชคฤห์.
ครั้งนั้นแล ภิกษุชาวเมืองปาเวยยะประมาณ
30 รูป ทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือทรงผ้าไตรจีวรเป็นวัตร แต่ทั้งหมดล้วนยัง
เป็นผู้มีสังโยชน์อยู่ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[446] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงดำริว่า ภิกษุ
ชาวเมืองปาเวยยะประมาณ 30 รูปเหล่านี้แล ทั้งหมดล้วนถือการอยู่ป่าเป็น
วัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือทรงไตร-
จีวรเป็นวัตร ทั้งหมดล้วนยังมีสังโยชน์ ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรม
โดยประการที่ภิกษุเหล่านี้จะพึงมีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น
ณ อาสนะนี้ทีเดียว ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ.
[447] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้ยังมีอวิชชา
เป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุด
เบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน โลหิตที่

หลั่งไหลออกของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมาซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนานนี้
กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 สิ่งไหนจะมากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายย่อมทราบธรรมตามที่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงแสดงแล้วว่า โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกข้าพระ-
องค์ผู้ท่องเที่ยวไปมา ซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนานนี้แหละมากกว่า ส่วน
น้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย ดังนี้.
[448] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถูกละ ๆ พวกเธอทราบธรรม
ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้
ท่องเที่ยวไปมาซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนาน นี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำใน
มหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นโค ซึ่งถูกตัด
ศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำใน
มหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นกระบือ ซึ่งถูก
ตัดศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า. . . เมื่อ
เธอทั้งหลายเกิดเป็นแกะ . . . เกิดเป็นแพะ. . . เกิดเป็นเนื้อ . . . เกิด
เป็นสุกร. . . เกิดเป็นไก่. . . เมื่อพวกเธอถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่า
เป็นโจรฆ่าชาวบ้านตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมาก
กว่า. . . ถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่าเป็นโจรคิดปล้น. . . ถูกจับตัดศีรษะ
โดยข้อหาว่าเป็นโจรประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่นตลอดกาลนาน โลหิต
ที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า น้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไม่มากกว่าเลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลาย
ไม่ได้. . . พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.
[449] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่าง

พอใจชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของภิกษุชาวเมืองปาเวยยะประมาณ 30 รูป
พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น.
จบติงสมัตตสูตรที่ 3

อรรถกถาติงสมัตตาสูตรที่ 3



พึงทราบวินิจฉัยในติงสมัตตาสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้.
บทว่า ปาเวยฺยกา ได้เเก่ภิกษุชาวเมืองปาเวยยกะ. ในบทเป็นต้นว่า
สพฺเพ อารญฺญิกา พึงทราบความที่ภิกษุเหล่านั้นอยู่ในป่าเป็นวัตรเป็นต้น
ด้วยอำนาจสมาทานธุดงค์. บทว่า สพฺเพ สสญฺโญชนา ความว่า พวก
ภิกษุทั้งปวงยังมีเครื่องผูกอยู่ คือบางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวก
เป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี. ก็ในภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเป็น
ปุถุชน หรือพระขีณาสพไม่มี. ในบทเป็นต้นว่า คุนฺนํ ได้แก่พึงถือเอา
เวลามีสีอย่างหนึ่ง ๆ ในบรรดาสีขาวและดำเป็นต้น. บทว่า ปาริปนฺถกา
ได้แก่พวกโจรปล้นคอยดักที่ทาง. บทว่า ปารทาริกา คือโจรผู้ประพฤติ
ผิดในภรรยาของผู้อื่น.
จบอรรถกถาติงสมัตตาสูตรที่ 3