เมนู

6. สตาปารัทธสูตร

1

ว่าด้วยสัตว์คบค้าสมาคมกันโดยธาตุ



[368] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย . . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวก
ที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัย
เลว แม้ในอดีตกาล . . . แม้ในอนาคตกาล . . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวก
ที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัย
เลว.
[369] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คูถกับคูถย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้
มูตรกับมูตรย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ เขฬะกับเขฬะย่อมเข้ากันได้ ร่วม
กันได้ บุพโพกับบุพโพย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ โลหิตกับโลหิตย่อม
เข้ากันได้ ร่วมกันได้ แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายก็
ฉันนั้นแล ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวก
ที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัย
เลว แม้ในอดีตกาล . . . แม้ในอนาคตกาล. . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์
ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือจำพวกที่มี
อัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว.

1. ม. สคาถาสูตร.

[370] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อม
สมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อม
สมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี แม้ในอดีตกาล. . .แม้ในอนาคต-
กาล. . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน
โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคม
กันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี.
[371] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย น้ำนมสดกับน้ำมันสดย่อมเข้ากันได้
ร่วมกันได้ น้ำมันกับน้ำมันย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ เนยใสกับเนยใสย่อม
เข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำผึ้งกับน้ำผึ้งย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำอ้อย
กับน้ำอ้อยย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ แม้ฉันใด สัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นแล
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี แม้ในอดีต-
กาล . . . แม้ในอนาคตกาล. . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อม
คบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี.
[372] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณ-
ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า:
กิเลสเพียงดังหมู่ไม้ในป่า เกิดขึ้นเพราะการ
คบค้าสมาคม ย่อมขาดเพราะไม่คบค้าสมาคม คน
เกาะท่อนไม้เล็ก ๆ พึงจมลงในห้วงมหรรณพ ฉันใด
แม้สาธุชนก็ย่อมจมลง เพราะอาศัยคนเกียจคร้าน
ฉันนั้น เราะฉะนั้น พึงเว้นคนเกียจคร้าน มีความ

เพียรเลวนั้นเสีย พึงอยู่ร่วมกับบัณฑิตผู้สงัด ผู้เป็น
อริยะ ผู้มีใจสูง ผู้เพ่งพินิจ ผู้ปรารภความเพียร
เป็นนิตย์.

จบสตาปารัทธสูตรที่ 6

อรรถกถาสตาปารัทธสูตรที่ 6



พึงทราบวินิจฉัยในสตาปรัทธสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้.
บทว่า คูโถ คูเถน สํสนฺทติ สเมติ ความว่า คูถแม้อยู่ระหว่างสมุทร
ระหว่างชนบท ระหว่างจักรวาล โดยสีก็ดี โดยกลิ่นก็ดี โดยรสก็ดี ไม่เข้า
ถึงความต่างกัน ย่อมเข้ากันได้ รวมกันได้ คือเป็นเช่นเดียวกันและเป็น
นิรันดร. แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล. ก็อุปมาด้วยของไม่น่าปรารถนานี้
ท่านนำมาเพื่อแสดงความที่อัธยาศัยของผู้มีอัธยาศัยเลวเสมอกัน อุปมา
ด้วยของดีเลิศมีน้ำนมเป็นต้น ท่านนำมาเพื่อแสดงความที่อัธยาศัยของผู้มี
อัธยาศัยดีเสมอกัน.
บทว่า สํสคฺคา ความว่า ด้วยความสิเนหาด้วยตัณหามีการเห็น
การฟังและการคบค้ากันเป็นต้นเป็นที่ตั้ง. บทว่า วนโถ ชาโต ได้แก่
ป่าคือกิเลสเกิดแล้ว. บทว่า อสํสคฺเคน ฉิชฺชติ ความว่า เมื่อไม่
กระทำการยืนและการนั่งร่วมกัน ก็ย่อมขาด เพราะไม่คบค้าสมาคมคือ
ไม่พบเห็นกัน. บทว่า สาธุชีวี ได้แก่ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตบริสุทธิ์.
บทว่า สหาวเส ได้เเก่ พึงอยู่ร่วมกัน.
จบอรรถกถาสตาปารัทธสูตรที่ 6