เมนู

เหมือนการพี่บุรุษดื่มน้ำดื่ม 4 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง บรรเทาความ
กระหายสุรามีความสุข ไปตามทิศทางที่ปรารถนา.
จบอรรถกถาสัมมสสูตรที่ 6

7. นฬกลาปิยสูตร



ว่าด้วยปัจจัยให้มีชราและมรณะ



[263] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะ
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี. ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น
ท่านพระมหาโกฏฐิตะออกจากที่พักผ่อน เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่
อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก
ถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[264] ท่านพระมหาโกฏฐิตะนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กล่าวคำนี้
กะท่านพระสารีบุตรว่า ท่านสารีบุตร ชราและมรณะ ตนทำเอง ผู้อื่น
ทำให้ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่าชราและมรณะบังเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้.
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ท่านโกฏฐิตะ ชราและมรณะ ตน
ทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่ว่า
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ.
โก. ท่านสารีบุตร ชาติ ตนทำเอง ผู้อื่นทำให้ ทั้งตนทำเอง
ทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่าชาติบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่น
ไม่ได้ทำให้.

สา. ท่านโกฏฐิตะ ชาติ ตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเอง ทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ชาติบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้
ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ.
โก. ท่านสารีบุตร ภพตนทำเอง ฯ ล ฯ อุปาทานตนทำเอง. . .
ตัณหาตนทำเอง. . . เวทนาตนทำเอง. . . ผัสสะตนทำเอง. . .สฬายตนะ
ตนทำเอง. . . นามรูปตนทำเอง ผู้อื่นทำให้ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้
หรือว่านามรูปบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้.
สา. ท่านโกฏฐิตะ นามรูปตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ นามรูปบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้
ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมี
นามรูป.
โก. ท่านสารีบุตร วิญญาณตนทำเอง ผู้อื่นทำให้ ทั้งตนทำเอง
ทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่าวิญญาณบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่น
ไม่ได้ทำให้.
สา. ท่านโกฏฐิตะ วิญญาณตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่
ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ วิญญาณบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้
ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมี
วิญญาณ.
[265] โก. เราทั้งหลายเพิ่งรู้ชัดภาษิตของท่านสารีบุตร ใน
บัดนี้เอง อย่างนี้ว่า ท่านโกฏฐิตะ นามรูปตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้
ก็ไม่ใช่ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตน

ไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมี
นามรูป.
อนึ่ง เราทั้งหลายรู้ชัดภาษิตของท่านสารบุตรในบัดนี้เอง อย่างนี้ว่า
ท่านโกฏฐิตะ วิญญาณตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ บังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะนามรูป
เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ.
ท่านสารีบุตร ก็เนื้อความของภาษิตนี้ เราทั้งหลายจะพึงเห็นได้
อย่างไร.
[266] สา. ดูก่อนอาวุโส ถ้าเช่นนั้น ผมจักเปรียบให้ท่าน
ฟัง ในโลกนี้บุรุษผู้ฉลาดบางพวกย่อมรู้ชัดเนื้อความของภาษิตได้ แม้
ด้วยอุปมา.
อาวุโส ไม้อ้อ 2 กำ พึงตั้งอยู่ไค้เพราะต่างอาศัยซึ่งกันและกัน
ฉันใด เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
จึงมีนามรูป เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะ
เป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ. ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
ประการอย่างนี้ ฉันนั้นแล.
ถ้าไม้อ้อ 2 กำนั้น พึงเอาออกเสียกำหนึ่ง อีกกำหนึ่งก็ล้มไป ถ้า
ดึงอีกกำหนึ่งออก อีกกำหนึ่งก็ล้มไป ฉันใด เพราะนามรูปดับ วิญญาณ
จึงดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะ
จึงดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ. ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวล
นี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฉันนั้นแล.

[267] โก. น่าอัศจรรย์ ท่านสารีบุตร ไม่เคยมีมา ท่าน
สารีบุตร เท่าที่ท่านสารีบุตรกล่าวนี้ เป็นอันกล่าวดีแล้ว ก็แลเราทั้งหลาย
พลอยยินดีสุภาษิตนี้ของท่านสารีบุตรด้วยเรื่อง 36 เรื่องเหล่านี้.
ถ้าภิกษุแสดงธรรม เพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ
ชราและมรณะ ควรกล่าวว่า ภิกษุธรรมกถึก.
ถ้าภิกษุปฏิบัติ เพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับชรา
และมรณะ ควรจะกล่าวว่า ภิกษุปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม.
ถ้าภิกษุหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะความคลายกำหนัด
เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นชราและมรณะ ควรจะกล่าวว่า ภิกษุ
บรรลุนิพพานในปัจจุบัน.
ถ้าภิกษุแสดงธรรม เพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อ
ดับชาติ ฯ ล ฯ ภพ. . . อุปาทาน. . . ตัณหา. . . เวทนา. . . ผัสสะ. . .
สฬายตนะ. . . นามรูป. . . วิญญาณ. . . สังขารทั้งหลาย. . . อวิชชา
ควรจะกล่าวว่า ภิกษุธรรมกถึก.
ถ้าภิกษุปฏิบัติ เพื่อความหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับอวิชชา
ควรจะกล่าวว่า ภิกษุปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม.
ถ้าภิกษุหลุดพ้น เพราะความหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะ
ความดับ เพราะความไม่ถือมั่นอวิชชา ควรจะกล่าวว่า ภิกษุบรรลุ
นิพพานในปัจจุบัน.
จบนฬกลาปิยสูตรที่ 7

อรรถกถานฬกลาปิยสูตรที่ 7



ในนฬกลาปิยสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
เพราะเหตุไรท่านพระมหาโกฏฐิตะจึงถามว่า กึ นุ โข อาวุโส.
เพราะเพื่อจะทราบอัธยาศัยของพระเถระว่า ถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์
อย่างไร. อีกอย่างหนึ่ง ท่านถามว่า เหล่าภิกษุในอนาคตจักรู้ว่า พระ
อัครสาวกทั้งสองในอดีต วินิจฉัยปัญหานี้แล้ว ดังนี้ก็มี. พระเถระกล่าว
คำนี้ว่า อิทาเนว โข มยํ ดังนี้ เพราะท่านกล่าวไว้ว่า นามรูปที่
กล่าวว่ามีวิญญาณเป็นปัจจัยนั้นแล เป็นปัจจัยแห่งวิญญาณ. ก็ในบทว่า
นฬกลาปิโย นี้ ท่านมิได้นำเอามัดเหลีกเป็นต้นมาเปรียบเทียบ แต่
ท่านเปรียบเทียนดังนี้ เพื่อแสดงภาวะแห่งวิญญาณและนามรูปว่า ไม่มี
กำลังและมีกำลังเพลา. ในฐานะประมาณเท่านี้ว่า นิโรโธ โหติ ท่าน
กล่าวว่าเทศนาด้วยปัญจโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ 5 ) เป็นปัจจุบัน.
บทว่า ฉตฺตึสาย วตฺถูหิ ความว่า ด้วยเหตุ 36 ประการ คือใน 12
บทที่ท่านแจกไว้หนหลัง แต่ละบทมี 3 เหตุ. และในที่นี้ คุณของพระ
ธรรมกถึกเป็นที่ 1 การปฏิบัติเป็นที่ 2 ผลของการปฏิบัติเป็นที่ 3 ใน
ผลของการปฏิบัตินั้น ท่านกล่าวเทศนาสมบัติด้วยนัยที่ 1 กล่าวเสขภูมิ
ด้วยนัยที่ 2 กล่าวอเสขภูมิด้วยนัยที่ 3.
จบอรรถกถานฬกลาปิยสูตรที่ 7