เมนู

เทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้ง
ยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิด
ของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปไว้ในที่มืด ด้วย
หวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ฉันใด พระองค์ทรงประกาศธรรม
โดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้
ขอถึงท่านพระโคดมกับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอท่าน
พระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบอัญญาตรสูตรที่ 6

อรรถกถาอัญญาตรสูตรที่ 6



ในอัญญตรสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
คำว่า อญฺญตโร คือพราหมณ์ผู้หนึ่งไม่ปรากฏชื่อ.
จบอรรถกถาอัญญตรสูตรที่ 6

7. ชาณุสโสณิสูตร



ว่าด้วยชาณุสโสณีพราหมณ์ทูลถามพระพุทธเจ้า



[172] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล พราหมณ์
ชาณุสโสณีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงประทับ ได้ปราศรัยกับพระ
ผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง
ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง.

[173] ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ชาณุสโสณีพราหมณ์ได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระโคดมผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีอยู่หรือหนอแล.
พ. ดูก่อนพราหมณ์ โวหารนี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่ เป็นส่วนสุดที่หนึ่ง.
ชา. พระโคดมผู้เจริญ ก็สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่หรือ.
พ. ดูก่อนพราหมณ์ โวหารนี้ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่ เป็นส่วนสุด
ที่สอง. ดูก่อนพราหมณ์ ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าใกล้ส่วน
สุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขาร
เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯ ล ฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อม
มีด้วยประการอย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขาร
จึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ฯ ล ฯ ความดับแห่งกองทุกข์
ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[174] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ชาณุสโสณี-
พราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เปรียบเหมือน
บุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือ
ตามประทีปไว้ในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ฉันใด
พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระ
องค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงท่านพระโคดมกับทั้งพระธรรมและภิกษุ
สงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอท่านพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็น
อุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบชาณุสโสณิสูตรที่ 3

อรรถกถาชาณุสโสณิสูตรที่ 7



ในชาณุสโสณิสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
คำว่า ชาณุสฺโสณิ ได้แก่ มหาปุโรหิตผู้มีสมบัติ 80 โกฏิ ซึ่งได้ชื่อ
อย่างนั้นด้วยอำนาจฐานันดร.
จบอรรถกถาถชาณุสโสณิสูตรที่ 7

8. โลกายติกสูตร



ว่าด้วยโลกายตะ



[175] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล พราหมณ์ผู้
รอบรู้คัมภีร์โลกายตะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ
[176] ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์ผู้รอบรู้คัมภีร์โลกายตะ ได้
ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าพระโคดมผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีอยู่หรือหนอ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่นี้ เป็นทิฏฐิว่าด้วย
ความสืบต่อแห่งโลกที่หนึ่ง.
โล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่หรือ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่นี้ เป็นทิฏฐิว่า
ด้วยความสืบต่อแห่งโลกที่สอง.
โล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน
หรือ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นอย่างเดียว