เมนู

7. นตุมหสูตร



ว่าด้วยปัจจัยปรุงแต่งกรรม



[143] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายนี้ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย ทั้งไม่ใช่ของ
ผู้อื่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่านี้พึงเห็นว่า อันปัจจัยปรุงแต่ง เกิด
ขึ้นด้วยความตั้งใจ เป็นที่ตั้งของเวทนา.
[144] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วในเรื่องกาย
นั้น ย่อมมนสิการโดยแยบคายซึ่งปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี
สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็น
ปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ ความ
เกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับ
โดยสำรอกไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
ฯ ล ฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
จบนตุมหสูตรที่ 7

อรรถกถานตุมหสูตรที่ 7



พึงทราบวินิจฉัยในนตุมหสูตรที่ 7 ต่อไป.
ข้อว่า "นายํ ตุมฺหากํ กายนี้มิใช่ของพวกเธอ" อธิบายว่า เมื่ออัตตามีอยู่
ขึ้นชื่อว่าสิ่งที่เป็นอัตตาก็ย่อมมี. แต่อัตตานั่นแหละย่อมไม่มี เพราะฉะนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า กายนี้มิใช่ของพวกเธอ. ข้อว่า "นาปิ
อญฺเญสํ
ทั้งมิใช่ของผู้อื่น" คือ อัตตาของคนอื่นชื่อว่าเป็นอื่นไป. เมื่ออัตตา
นั้นมีอยู่ ที่ชื่อว่า อัตตาอื่นก็พึงมี ทั้งอัตตาอื่นนั้นก็ไม่มี. เพราะเหตุนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ทั้งมิใช่ของคนอื่น. ข้อว่า "ปุราณมิทํ
ภิกฺขเว กมฺมํ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่านี้ " อธิบายว่า กรรมนี้มิใช่
กรรมเก่าเลย แต่กายนี้ บังเกิดเพราะกรรมเก่า เพราะฉะนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้า
จึงตรัสไว้อย่างนี้ด้วยปัจจยโวหาร. บทว่า อภิสงฺขตํ เป็นต้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสด้วยศัพท์เป็นเพศชายโดยอำนาจแห่งกรรมโวหาร
นั่นเอง. ก็ในคำว่า อภิสงฺขตํ เป็นต้นนี้ มีอธิบายดังนี้ บทว่า อภิสงฺขตํ
ได้แก่ กายนี้พึงเห็นว่า อันปัจจัยแต่งแล้ว. บทว่า อภิสญฺเจตยิตํ ได้แก่
พึงทราบว่ามีเจตนาเป็นที่ตั้ง คือมีความจงใจเป็นมูล. บทว่า เวทนียํ
ได้แก่ พึงทราบว่า เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา.
จบอรรถกถานตุมหสูตรที่ 7

8. ปฐมเจตนาสูตร



ว่าด้วยความเกิดและดับกองทุกข์



[145] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิด
ถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารัมมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมี
อารัมมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว