เมนู

รู้ทั่วถึงเวทนาอย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ทั่วถึงผัสสะอย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ทั่วถึง
สฬายตนะอย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ทั่วถึงนามรูปอย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ทั่วถึง
วิญญาณอย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ทั่วถึงสังขารทั้งหลายอย่างนี้ ย่อมรู้ทั่วถึง
เหตุเกิดแห่งสังขารอย่างนี้ ย่อมรู้ทั่วถึงความดับแห่งสังขารอย่างนี้ ย่อมรู้
ทั่วถึงข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งสังขารอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ในกาลนั้น ภิกษุนี้ เรากล่าวว่าเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทิฏฐิบ้าง เป็นผู้สมบูรณ์
ด้วยทัศนะบ้าง เป็นผู้มาถึงสัทธรรมนี้บ้าง เห็นสัทธรรมนี้บ้าง เป็นผู้
ประกอบด้วยญาณอันเป็นเสกขะบ้าง เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็น
เสกขะบ้าง เป็นผู้บรรลุกระแลแห่งธรรมบ้าง เป็นพระอริยะมีปัญญา
เครื่องชำแรกกิเลสบ้าง ว่าอยู่ชิดประตูอมตนิพพานบ้าง.
จบภิกขุสูตรที่ 8

อรรถกถาภิกขุสูตรที่ 8


ภิกขุสูตรที่ 8

ก็ง่ายเหมือนกัน.
จบอรรถกถาภิกขุสูตรที่ 8

9. ปฐมสมณพราหมณสูตร



ว่าด้วยกำหนดรู้ชราและมรณะ



[94] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์

เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่กำหนดรู้ชรามรณะ ย่อมไม่กำหนดรู้เหตุเกิด
แห่งชรามรณะ ย่อมไม่กำหนดรู้ความดับแห่งชรามรณะ ย่อมไม่กำหนดรู้
ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งชรามรณะ ย่อมไม่กำหนดรู้ชาติ ฯลฯ ย่อม
ไม่กำหนดรู้ภพ ฯลฯ ย่อมไม่กำหนดรู้อุปาทาน ฯลฯ ย่อมไม่กำหนด
รู้ตัณหา ฯลฯ ย่อมไม่กำหนดรู้เวทนา ฯลฯ ย่อมไม่กำหนดรู้ผัสสะ ฯลฯ
ย่อมไม่กำหนดรู้สฬายตนะ ฯลฯ ย่อมไม่กำหนดรู้นามรูป ฯลฯ ย่อม
ไม่กำหนดรู้วิญญาณ ฯลฯ ย่อมไม่กำหนดรู้สังขารทั้งหลาย ย่อมไม่กำหนด
รู้เหตุเกิดแห่งสังขาร ย่อมไม่กำหนดรู้ความดับแห่งสังขาร ย่อมไม่กำหนด
รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งสังขาร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่านี้ ย่อมไม่ได้รับสมมติว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ หรือ
ไม่ได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง ท่านเหล่านี้ จะทำ
ให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะหรือประโยชน์แห่งความเป็น
พราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ไม่ได้.
[95] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
เหล่าหนึ่ง ย่อมกำหนดรู้ชรามรณะ ย่อมกำหนดรู้เหตุเกิดแห่งชรามรณะ
ย่อมกำหนดรู้ความดับแห่งชรามรณะ ย่อมกำหนดรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความ
ดับแห่งชรามรณะ ย่อมกำหนดรู้ชาติ ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้ภพ ฯลฯ
ย่อมกำหนดรู้อุปาทาน ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้ตัณหา ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้
เวทนา ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้ผัสสะ ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้สฬายตนะ ฯลฯ
ย่อมกำหนดรู้นามรูป ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้วิญญาณ ฯลฯ ย่อมกำหนดรู้
สังขารทั้งหลาย ย่อมกำหนดรู้เหตุเกิดแห่งสังขาร ย่อมกำหนดรู้ความดับ
แห่งสังขาร ย่อมกำหนดรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งสังขาร ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้แล ย่อมได้รับสมมติว่าเป็นสมณะ
ในหมู่สมณะ และได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง
ท่านเหล่านั้น ย่อมทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ และ
ประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่.
จบปฐมสมณพราหมณสูตรที่ 9

อรรถกถาปฐมสมณพราหมณสูตรที่ 9



สมณพราหมณสูตรที่ 9 พระผู้มีพระภาคเจ้า

ตรัสโดยอัธยาศัย
ของเหล่าภิกษุ ผู้กล่าวด้วยอักขระ. ภิกษุเหล่านั้น เมื่อถูกเขาใส่อุปสรรคว่า
ปริ แล้วกล่าว จึงสามารถคิดออก.
จบอรรถกถาปฐมสมณพราหมณสูตรที่ 9

10. ทุติยสมณพราหมณสูตร



ว่าด้วยไม่รู้ทั่วถึงเหตุเกิดและดับแห่งชรามรณะ



[96] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ทั่วถึงชรามรณะ ย่อมไม่รู้ทั่วถึงเหตุเกิดชรา
มรณะ ย่อมไม่รู้ทั่วถึงความดับแห่งชรามรณะ ย่อมไม่รู้ทั่วถึงข้อปฏิบัติ
ให้ถึงความดับแห่งชรามรณะ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น จักล่วงพ้น
ชรามรณะได้ ดังนี้ มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ย่อมไม่รู้ทั่วถึงชาติ ฯ ล ฯ ย่อม