เมนู

ตติยวรรคที่ 3



อรรถกถาสัมพหุลสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสัมพหุลสูตรที่ 1 วรรคที่ 3 ต่อไป:-
บทว่า ชฏณฺฑุเวน ได้แก่เทริดเซิงผม. บทว่า อชินกฺขิปนิวตฺโถ
ได้แก่หนึ่งเสือที่มีเล็บเท้างาม นุ่งผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง. บทว่า อุทุมฺพรทณฺฑํ
ได้แก่ถือไม้เท้าไม้มะเดื่อ คดนิดหน่อย เพื่อประกาศความเป็นผู้มักน้อย. บทว่า
เอตทโวจ ความว่า มารถือเพศนักบวชพราหมณ์แก่ เพราะเป็นนักบวชใน
จำพวกพราหมณ์ก็ดี เป็นผู้แก่ในจำพวกนักบวชก็ดี ด้วยเข้าใจว่าธรรมดาถ้อยคำ
ของพราหมณ์ รับฟังกันด้วยดีในโลก แล้วเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้น ผู้ทำกิจ ณ
ที่สำหรับทำความเพียร ยกมือทั้งสองขึ้น ได้กล่าวคำว่า ทหรา ภวนฺโต
เป็นต้นนั้น. บทว่า โอกมฺเปตฺวา แปลว่า เอาคางจดท้องค้อมตัวตัวลงต่ำ.
บทว่า ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา ได้แก่แลบลิ้นใหญ่รับคำข้าว เสียไปสองข้าง
ทั้งข้างบนทั้งข้างล่าง. บทว่า ติวิสาขํ ได้แก่ 3 รอย. บทว่า นลาฏิกํ ความ
ว่ารอยย่น ปรากฏที่หน้าผากอันสยิ้ว. บทว่า ปกฺกามิ ความว่า พราหมณ์แก่
กล่าวว่า พวกท่านไม่เชื่อคำของผู้รู้ จงเข้าไปที่เร้นของตนเถิด แล้วจับทาง
ไปทางหนึ่ง.
จบอรรถกถาสัมพหุลสูตรที่ 1

2. สมิทธิสูตร



ว่าด้วยมารขู่พระสมิทธิ



[482] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่กรุงศิลาวดี แคว้นสักกะ.
ก็สมัยนั้นแล ท่านสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร ตั้งใจมั่น
อยู่ในที่ใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ครั้งนั้นแล ท่านสมิทธิผู้พักผ่อนอยู่ในที่ลับ มีความปริวิตกแห่งจิต
เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้พระอรหันต์ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
เป็นพระศาสดาของเรา เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้บวชในพระธรรมวินัย
อันพระศาสดาตรัสดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้เพื่อนพรหมจรรย์
อันมีศีลมีกัลยาณธรรม.
[483] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปทรามความปริวิตกแห่งจิตของท่าน
สมิทธิด้วยจิตแล้ว เข้าไปหาท่านสมิทธิถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จึงทำเสียงดังน่ากลัว
น่าหวาดเสียวประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ.
[484] ลำดับนั้น ท่านสมิทธิเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่
ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ท่าน
สมิทธิครั้นนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่งแล้ว จึงได้กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์
เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร ตั้งใจมั่น อยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้
พระเจ้าข้า ข้าพระองค์อยู่ในที่ลับเร้น มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า
เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้พระอรหันต์ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นพระศาสดา
ของเรา เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้บวชในพระธรรมวินัยอันพระศาสดาตรัส
ดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้เพื่อนพรหมจรรย์ อันมีศีลมีกัลยาณ-