เมนู

เหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลกเทียว
ข้าแต่ท้าววาสวะ พระองค์ทรงนอบน้อม
บุคคลเหล่าใด แม้ข้าพระองค์ก็ขอนอบ-
น้อมบุคคลเหล่านั้น.

[937] ท้าวมฆวาสุชัมบดีเทวราช ผู้เป็น
ประมุขของเทวดาทั้งหลาย ครั้นตรัสดังนี้
แล้ว ทรงน้อมนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วเสด็จขึ้นรถ.


อรรถกถาทุติยสักกนมัสสนสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในทุติยสักกนมัสสนสูตรที่ 9 ต่อไปนี้ :-
บทว่า ภควนฺตํ นมสฺสติ ความว่า ท้าวสักกะ พาดผ้าสองชั้น
เฉวียงบ่านั่งคุกเข่าแบบพรหม ประณมมือเหนือพระเศียร. บทว่า โส ยกฺโข
ได้แก่ สัตว์นั้น. บทว่า อโนมนามํ ได้แก่ มีพระนามไม่ทรามด้วย
พระนามอันเป็นนิมิตแห่งคุณ เพราะไม่มีความทรามด้วยคุณทั้งปวง. บทว่า
อวิชฺชาสมติกฺกมา ได้แก่ ก้าวล่วงอวิชชาอันมีวัฏฏะเป็นมูล อันปกปิด
อริยสัจ เป็นต้น. บทว่า เสกฺขา ได้แก่ พระเสกขะ 7 จำพวก. บทว่า
อปจฺจยารามา คือยินดีในการกำจัดวัฏฏะ. บทว่า สิกฺขเร แปลว่า ย่อม
ศึกษา.
จบอรรถกถาทุติยสักกนมัสสนสูตรที่ 9

10. ตติยสักกนมนัสสนสูตร



ท้าวสักกะนมัสการพระสงฆ์



[938] สาวัตถีนิทาน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัส
กะมาตลีสังคหกเทพบุตรว่า ดูก่อนสหายมาตลี ท่านจงเตรียมจัดรถม้าอาชาไนย
ซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัว เราจะไปยังพื้นที่อุทยานเพื่อชมภูมิภาคอันงดงาม ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลายมาตลีสังคาหกเทพบุตรทูลรับพระดำรัสท้าวสักกะจอมเทพว่า ขอ
เดชะ ขอความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดังนี้แล้ว จัดเตรียมรถม้าอาชาไนยซึ่ง
เทียมด้วยม้าพันตัวเสร็จแล้ว กราบทูลแก่ท้าวสักกะจอมเทพว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้นิรทุกข์ รถม้าอาชาไนยซึ่งเทียมด้วยม้าพันตัวสำหรับพระองค์ จัดเตรียมไว้
เสร็จแล้ว ขอพระองค์ทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ได้ทราบว่า ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพขณะเสด็จลงจากเวชยันตปราสาท
ทรงประณมอัญชลีน้อมนมัสการพระภิกษุสงฆ์อยู่.
[939] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตรได้
ทูลถามท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่า
นรชนผู้นอนทับกายอันเปื่อยเน่าเหล่า
นี้ พึงนอบน้อมพระองค์นั่นเที่ยว พวกเขา
จมอยู่ในซากอันเต็มไปด้วยความหิวและ
ความกระหาย ข้าแต่ท้าววาสวะ เพราะ
เหตุไรหนอ พระองค์จึงทรงโปรดปรานท่าน
ผู้ไม่มีเรือนเหล่านั้น ขอพระองค์ตรัสบอก