เมนู

2. นาคสูตร



มารแปลงเพศเป็นพระยาช้าง



[419] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสรู้แล้วใหม่ ๆ ประทับอยู่ที่ต้นไม้
อชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ณ อุรุเวลาประเทศ สมัยนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งกลางแจ้ง ในราตรีอันมืดสนิท และฝนลงเม็ด
ประปรายอยู่.
[420] ครั้งนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้เกิดความกลัว ความ
ครั่นคร้าม ขนลุกขนพองแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเนรมิตเพศเป็นพระยาช้าง
ใหญ่ เข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้า พระยาช้างนั้นมีศีรษะเหมือนกับก้อนหิน
ใหญ่สีดำ งาทั้งสองของมันเหมือนเงินบริสุทธิ์ งวงเหมือนงอนไถใหญ่.
[21] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป
ดังนี้ แล้วได้ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่า
ท่านจำแลงเพศทั้งที่งามและไม่งาม
ท่องเที่ยวอยู่ตลอดกาล อันยืดยาวนาน
มารผู้มีบาปเอ๋ย ไม่พอที่ท่านจะต้องจำแลง
เพศอย่างนั้นเลย ดูก่อนมารผู้กระทำซึ่ง
ที่สุด ตัวท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียแล้ว.

ครั้งนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จัก
เรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถานาคสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในนาคสูตรที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า สตฺตนฺธการติมิสายํ ได้แก่ ในราตรีมืดมาก คือมืดมีองค์
4 ที่กระทำให้เป็นประหนึ่งคนตาบอด. บทว่า อชฺโฌกาเส นิสินฺโน โหติ
ความว่า เสด็จออกจากพระคันธกุฎี วางจีวรผืนใหญ่ไว้บนพระเศียร ประทับ
นั่งกำหนดความเพียรบนแผ่นหิน ท้ายที่จงกรม.
ถามว่า มรรคที่พระตถาคคยังไม่เจริญ กิเลสที่ยังไม่ได้ละ อกุปปธรรม
ที่ยังไม่แทงตลอด หรือนิโรธที่ยังไม่ทำให้แจ้งของพระตถาคต ไม่มีเลยมิใช่
หรือ เพราะเหตุไร จึงได้ทรงกระทำอย่างนั้น. ตอบว่า พระศาสดาทรง
พิจารณาเห็นประโยชน์ดังขอช้าง [บังคับช้าง] สำหรับกุลบุตรทั้งหลายในอนาคต
ว่า กุลบุตรทั้งหลายในอนาคตกาล รำลึกถึงทางที่เราตถาคคดำเนินไปแล้ว
สำคัญถึงที่อยู่ซึ่งควรอยู่กลางแจ้ง จักกระทำกรรมคือความเพียร จึงได้ทรง
กระทำดังนั้น. บทว่า มหา แปลว่า ใหญ่. บทว่า อริฏฺฐโก แปลว่า ดำ.
บทว่า มณิ ได้แก่ หิน. บทว่า เอวมสฺส สีสํ โหติ ความว่า ศีรษะ
ของช้างนั้น ก็เป็นอย่างนั้น คือ เสมือนหินก้อนใหญ่สีดำขนาดเท่าเรือนยอด.
ด้วยบทว่า สุภาสุภํ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ก็ท่านท่องเที่ยวอยู่
ตลอดกาลยาวนาน มาแปลงเพศทั้งดีและไม่ดี. อีกนัยหนึ่ง. บทว่า สํสรํ
แปลว่า ท่องเที่ยวมา. บทว่า ทีฆมทฺธานํ ได้แก่ ตลอดทางไกลตั้งแต่ถิ่น
ของท้าววสวัตดี จนถึงตำบลอุรุเวลาและตลอดกาลนาน กล่าวคือสมัยทรง