เมนู

เทวดาชั้นดาวดึงส์ กล่าวนรชนผู้
เป็นบุคคลเลี้ยงมารดาบิดา มีปกติประพฤติ
อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เจรจา
อ่อนหวาน กล่าวแต่คำสมานมิตรสหาย
ละคำส่อเสียด ประกอบในอุบายเป็นเครื่อง
กำจัดความตระหนิ มีวาจาสัตย์ ครอบงำ
ความโกรธได้ นั้นแลว่า เป็นสัปบุรุษ
ดังนี้.


อรรถกถาตติยเทวสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในตติยเทวสูตรที่ 3 ต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า เจ้ามหาลีลิจฉวีคิดว่า ชนทั้งหลายพูด
กันว่า ท้าวสักกเทวราช เราจักทูลถามความนี้กะพระทศพลว่า ท้าวสักกะมีอยู่
หรือหนอ ผู้ใดเคยเห็นท้าวสักกะนั้นดังนี้ จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า.
บทว่า ตญฺจ ปชานามิ เป็นเอกพจน์ลงในพหุพจน์. อธิบายว่า เรารู้ธรรม
ทั้งหลายเหล่านั้นด้วย. ได้ยินว่า ท้าวสักกะได้เป็นมาณพชื่อว่ามฆะ ในบ้าน
อจลคามแคว้นมคธในอัตภาพก่อน เป็นบัณฑิต เป็นคนฉลาด. มฆมาณพนั้น
ได้มีจริยาเหมือนจริยาของพระโพธิสัตว์ เขาพาคน 33 คนไปทำกรรมดี.
วันหนึ่ง เขาใคร่ครวญด้วยปัญญาของตน ขนหยากเยื่อออกทั้งสองข้าง ในที่
ที่มหาชนประชุมกันท่ามกลางบ้าน แล้วได้ทำที่นั้นให้เป็นที่น่ารื่นรมย์. เขา
สร้างมณฑป ณ ที่นั้นอีก. เมื่อกาลล่วงไป เขาได้สร้างศาลาอีก. อนึ่ง เขาออก