เมนู

ด้วยบทนี้. งดเว้นจากมุสาวาทด้วยบทที่สอง. การงดเว้นสามอย่างที่เหลือด้วย
บทที่สาม. บทว่า อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา นางยักษิณีกล่าวว่า ลูก
เราละเวร 5 เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นในยักขโลกเสียแล้ว ปฏิบัติโดยอุบายอันแยบคาย
แล้ว จึงจะพ้นจากกำเนิดยักษ์ปีศาจซึ่งมีภิกษาหายาก ทั้งจะพากันอดตาย.
จบอรรถกถาปิยังกรสูตรที่ 6

7. ปุนัพพนุสูตร



นางยักษิณีปลอบให้ลูกฟังธรรม



[822] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี.
สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังภิกษุทั้งหลายให้เห็นแจ้ง ให้
สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงอยู่ด้วยธรรมีกถาอันปฏิสังยุตด้วยพระนิพพาน.
ภิกษุเหล่านั้นตั้งใจมนสิการ ประมวลไว้ด้วยใจทั้งหมด เงี่ยโสตลง
สดับพระธรรม.
[823] ครั้งนั้นแล นางยักษีผู้เป็นมารดาของปุนัพพสุปลอบบุตร
น้อยอย่างนี้ว่า
นิ่งเสียเถิดลูกอุตรา นิ่งเสียเถิดลูก
ปุนัพพสุ จนกว่าแม่จะฟังธรรมของพระ-
พุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้เป็นพระศาสดาจบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสนิพพานอันเป็น
เครื่องเปลื้องตนเสีย จากกิเลสเครื่อง

ร้อยรัดทั้งปวง เวลาที่ปรารถนาใน
ธรรมนั้นจะล่วงเลยแม่ไปเสีย ของลูกตน
เป็นที่รักในโลก ผัวของตนเป็นที่รักในโลก
แต่ความปรารถนาในธรรมนั้น เป็นที่รัก
ของแม่ยิ่งกว่าลูกและผัวนั้น เพราะลูก
หรือผัวที่รัก พึงปลดเปลื้องจากทุกข์ไม่ได้
เหมือนการฟังธรรมย่อมปลดเปลื้องเหล่า
สัตว์จากทุกข์ได้ ในเมื่อโลกอันทุกข์
วงล้อมแล้ว ประกอบด้วยชราและมรณะ
แม่ปรารถนาจะฟังธรรม ที่พระพุทธเจ้า
ตรัสรู้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เพื่อพ้นจาก
ชราและมรณะ จงนิ่งเสียเถิดลูกปุนัพพสุ.

[824] ปุนัพพสุพูดว่า
แม่จ๋า ฉันก็จักไม่พูด อุตราน้องสาว
ของฉันก็จักเป็นผู้นิ่ง เชิญแม่ฟังธรรม
อย่างเดียว การฟังพระสัทธรรมนำความ
สุขมาให้ แม่จ๋า เราไม่รู้พระสัทธรรมจึง
ได้เที่ยวไปลำบาก พระพุทธเจ้าพระองค์นี้
เป็นผู้ ทำความสว่างไสวแก่เทวดาและ
มนุษย์ผู้ลุ่มหลง มีพระสรีระครั้งสุดท้าย
มีพระจักษุ แสดงธรรมอยู่.


[825] ยักษิณีพูดว่า
น่าชื่นชมนัก ลูกผู้นอนนอกของ
แม่เป็นคนฉลาด ลูกของแม่ย่อมรักใคร่
พระธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าผู้
ประเสริญ ปุนัพพสุเจ้าจงมีความสุขเถิด
วันนี้แม่เป็นผู้ย่างขึ้นไปในพระศาสนา
แม่และเจ้าเห้นอริยสัจแล้ว แม้แม่อุตรก็
จงฟังแม่.

อรรถกถาปุนัพพสุสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปุนัพพสุสูตรที่ 7 ต่อไปนี้.
บทว่า เตน โข ปน สมเยน ได้แก่ สมัยไหน. สมัยดวงอาทิตย์ตก.
ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่มหาชนภายหลัง
เสวยพระกระยาหาร ทรงส่งมหาชนแล้ว สรงสนานในซุ้มลงสรง ประทับนั่ง.
ตรวจดูโลกธาตุทางทิศตะวันออก บนบวรพุทธาสนะที่เขาจัดไว้ในบริเวณพระ-
คันธกุฏี. ครั้งนั้น พวกภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุลและบิณฑบาตเป็นวัตร จาริกไป
รูปเดียว หรือสองรูปเป็นต้น ออกจากที่พักกลางวันและที่อยู่ของตน ๆ แล้ว
มาถวายบังคมพระทศพล นั่งประหนึ่งวงอยู่ด้วยม่านแดง. ครั้งนั้น พระศาสดา
ทรงทราบอัธยาศัยของภิกษุเหล่านั้น จึงตรัสธรรมีกถา ประกอบด้วยนิพพาน.
บทว่า เอวํ โตเสสิ ความว่า ได้ยินว่า นางยักษิณีมารดาปุนัพพสุ
นั้น อุ้มธิดา จูงบุตร กำลังแสวงหาอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลายและน้ำมูก