เมนู

6. อนุรุทธสูตร



ว่าด้วยภรรยาเก่าของพระอนุรุทธะ



[773] สมัยหนึ่ง ท่านพระอนุรุทธะพำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่งใน
แคว้นโกศล.
[774] ครั้งนั้นแล เทวดาชั้นดาวดึงส์องค์หนึ่งชื่อชาลินีเป็นภรรยา
เก่าของท่านพระอนุรุทธะ เข้าไปหาท่านถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านด้วย
คาถาว่า
ท่านจงตั้งจิตของท่านไว้ในหมู่ทวย-
เทพชั้นดาวดึงส์ ซึ่งพรั่งพร้อมด้วย
อารมณ์อันน่าใคร่ทั้งปวง ที่ท่านเคยอยู่ใน
กาลก่อน ท่านจะเป็นผู้อันหมู่เทวดาแวด-
ล้อมเป็นบริวาร ย่อมงดงาม

[775] ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า
เหล่านางเทพกัลยาผู้มีคติอันทราม
ดำรงมันอยู่ในกายของตน สัตว์ทั้งหลาย
เหล่านั้น แม้เป็นผู้มีคติอันทราม ก็ถูก
นางเทพกัลยาปรารถนา.

[776] เทวดาชื่อชาลินีกล่าวว่า
เหล่าสัตว์ผู้ไม่ได้เห็นที่อยู่อันเป็นที่
น่าเพลิดเพลินของนรเทพชั้นไตรทศผู้มียศ
ก็ชื่อว่าไม่รู่จักความสุข.

[777] ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า
ดูก่อนเทวดาผู้เขลา ท่านไม่รูแจ้ง
ตามคำของพระอรหันต์ว่า สังขารทั้งปวง

ไม่เที่ยง มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไป
เป็นธรรมดา บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้
เป็นสุข บัดนี้ การอยู่ครอบครองของเรา
ไม่มีอีกต่อไป ตัณหาประดุจดังว่าข่ายใน
หมู่เทพของเราก็ไม่มี สงสารคือชาติสิ้น
ไปแล้ว บัดนี้ภพใหม่ ไม่มีอีกต่อไป.


อรรถกถาอนุรุทธสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอนุรุทธสูตร ที่ 6 ต่อไปนี้ :-
บทว่า ปุราณทุติยิกา คือ อัครมเหสีในอัตภาพก่อน. บทว่า
โสภสิ ได้แก่ เมื่อก่อนก็งาม เดี๋ยวนี้ก็งาม. บทว่า ทุคฺคตา ความว่า
ไปชั่วด้วยคติอันชั่วก็หาไม่. จริงอยู่ เทวกัญญาอยู่ในสุคติย่อมเสวยสมบัติ.
แต่ไปชั่วด้วยคติชั่วทางปฏิบัติ. เพราะว่า เทวกัญญาเหล่านั้นจุติจากสุคตินั้น
แล้ว จะเกิดในนรกก็ได้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ไปชั่ว. บทว่า ปติฏฺฐิตา
ความว่า จริงอยู่ เมื่อบุคคลตั้งอยู่ในสักกายทิฏฐิย่อมตั้งอยู่ด้วยเหตุ 8 ประการ
คือรักด้วยอำนาจราคะ โกรธด้วยอำนาจโทสะ หลงด้วยอำนาจโมหะ ถือตัว
ด้วยอำนาจมานะ ถือผิดด้วยอำนาจทิฏฐิ เพิ่มกำลังด้วยอำนาจอนุสัยไม่สิ้นสุด
ด้วยอำนาจแห่งวิจิกิจฉา ฟุ้งซ่านด้วยอำนาจอุทธัจจะ แม้เทวกัญญาเหล่านั้น
ก็ตั้งอยู่อย่างนี้.
บทว่า นรเทวานํ ความว่า ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. บทว่า
นตฺถิทานิ ความว่า ได้ยินว่า เทพธิดานั้น ได้มีความเสน่หาเป็นกำลังใน