เมนู

3. สกลิกสูตร



ว่าด้วยถูกสะเก็ดหิน



[452] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ มัททกุจฉิมิคทายวัน
กรุงราชคฤห์.
ก็โดยสมัยนั้นแล พระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าถูกสะเก็ดหินเจาะ
แล้ว ได้ยินว่า เวทนาทั้งหลาย อันยิ่ง เป็นไปในพระสรีระ เป็นทุกข์ แรงกล้า
เผ็ดร้อน ไม่เป็นที่ยินดี ไม่เป็นที่พอพระทัย ย่อมเป็นไปแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์มีพระสติสัมปชัญญะอดกลั้นซึ่งเวทนาเหล่านั้น ไม่กระสับกระส่าย.
ลำดับ นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิเป็น 8 ชั้น แล้ว
สำเร็จสีหไสยา โดยพระปรัศว์เบื้องขวา พระบาทซ้ายเหลิอมพระบาทขวา มี
พระสติสัมปชัญญะ.
[453] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเข้าไปหาพระองค์ถึงที่ประทับ แล้ว
ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
ท่านนอนด้วยความเขลา หรือมัวเมา
คิดกาพย์กลอนอยู่ ประโยชน์ทั้งหลาย
ของท่านไม่มีมา ท่านอยู่ ณ ที่นอนที่นั่ง
อันสงัดแต่ผู้เดียว ตั้งหน้านอนหลับ นี่
อะไร ท่านหลับทีเดียวหรือ.

[454] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสตอบว่า
เราไม่ได้นอนด้วยความเขลา ทั้ง
มิได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอยู่ เราบรรลุ
ประโยชน์แล้วปราศจากความโศก อยู่
ที่นอนที่นั่ง อันสงัดแต่ผู้เดียว นอนรำพึง
ด้วยความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง. ลูกศรเข้า
ไปในอกของชนเหล่าใด เสียบหทัยให้
ลุ่มหลงอยู่ แม้ชนเหล่านั้นในโลกนี้ ผู้มี
ลูกศรเสียบอกอยู่ ยังได้ความหลับ เราผู้
ปราศจากลูกศรแล้ว ไฉนจะไม่หลับเล่า.
เราเดินทางไปในทางที่มีราชสีห์เป็นต้น
มิได้หวาดหวั่น ถึงหลับในที่เช่นนั้นก็
มิได้กลัวเกรง กลางคืนและกลางวัน ย่อม
ไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราย่อมไม่พบเห็น
ความเสื่อมอะไร ๆ ในโลก ฉะนั้น เราผู้
มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวงจึงนอนหลับ.

ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
รู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาสกลิกสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสกลิกสูตรที่ 3 ต่อไป :-
บทว่า มนฺทิยา นุ เสสิ ได้แก่ ท่านนอนด้วยความเขลา ด้วย
ความลุ่มหลง. บทว่า อุทาหุ กาเวยฺยมตฺโต ได้แก่ ก็หรือว่า ท่านนอน
เหมือนอย่างกวี นอนครุ่นคิดคำที่จะพึงกล่าว หมกมุ่นด้วยเหตุที่จะพึงแต่งนั้น.
บทว่า สมฺปจุรา แปลว่า มาก. บทว่า กิมิทํ โสปฺปเสว ได้แก่ เหตุไร
ท่านจึงหลับอย่างนี้เล่า. บทว่า อตฺถํ สเมจฺจ ได้แก่ มาถึงพร้อม คือบรรลุ
ประโยชน์แล้ว ด้วยว่า เราไม่มีประโยชน์ [ความต้องการ] ว่า ขึ้นชื่อว่า ผู้ไม่
เกี่ยวข้อง ก็วิบัติจากผู้เกี่ยวข้องดังนี้. บทว่า สลฺลํ ได้แก่หอกแลลูกศรอันคม.
บทว่า ชคฺคํ น สงฺเกมิ ความว่า เราถึงเดินทางก็ไม่ระแวง อย่างคนบางคน
เดินไปในทางสีหะเป็นต้น ก็ระแวง. บทว่า นปิ เภมิ โสตฺตุํ ความว่า
เราไม่กลัวจะหลับ อย่างคนบางคน กลัวจะหลับ ในทางสีหะเป็นต้น. บทว่า
นานุปตนฺติ มา มํ ความว่า คนทั้งหลายไม่เดือดร้อนตามไปกะเรา อย่าง
เมื่ออาจารย์หรืออันเตวาสิกเกิดไม่สบาย อันเตวาสิก มัวแต่เล่าเรียนและสอบ
ถามเสีย คืนวันล่วงไป ๆ ก็เดือนร้อนถึง ด้วยว่า กิจที่ยังไม่เสร็จไร ๆ ของ
เราไม่มี. ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า หานึ น ปสฺสามิ
กุหิญฺจิ โลเก
เราไม่เห็นความเสื่อมในโลกไหน ๆ.
จบอรรถกถาสกลิกสูตรที่ 3