เมนู

โดยอเนกปริยายดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
ส่องประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจะมองเห็นรูปได้ ข้าแต่ท่านพระ-
โคดม ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็น
สรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป.

อรรถกถามาตุโปสกสูตร



ในมาตุโปสกสูตรที่ 9 วินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เปจฺจ ได้แก่ กลับไปจากโลกนี้.
จบอรรถกถามาตุโปสกสูตรที่ 9

10. ภิกขกสูตร



ว่าด้วยความเป็นภิกษุ



[716] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น ภิกขกพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัยกันตามธรรมเนียม
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกขกพราหมณ์นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่ท่านพระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์
เป็นคนขอ พระองค์ก็เป็นผู้ขอ ในความข้อนี้ เราจะต่างอะไรกัน.

[717] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
บุคคลหาชื่อว่าเป็นภิกษุเพียงด้วย
การขอคนอื่นไม่ บุคคลสมาทานธรรม
เป็นพิษ หาชื่อว่าเป็นภิกษุได้ไม่ ผู้ใดใน
โลกนี้ละบุญและบาปเสียแล้ว ประพฤติ
พรหมจรรย์ด้วยถารพิจารณา ผู้นั้นแล
ชื่อว่าเป็น ภิกษุ.

[718] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเช่นนี้แล้ว ภิกขกพราหมณ์ได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ท่าน
พระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดย
ปริยาย ดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง ส่อง
ประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุมองเห็นรูปได้ ข้าแต่ท่านพระโคดม
ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระธรรมเเละพระสงฆ์เป็นสรณะตลอด
ชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.

อรรถกถาภิกขกสูตร



ในภิกขกสูตรที่ 10 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อิธ ได้แก่ ในความเป็นภิกษุนี้นั่นแล. บทว่า วิสํ ธมฺมํ
ได้แก่ อกุศลธรรมที่มีกลิ่นเหม็น. บทว่า วาเหตฺวา ได้แก่ ละได้ด้วยอรหัต
มรรค. บทว่า สงฺขาย ได้แก่ญาณ. บทว่า ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ ความ
ว่า ผู้นั้นแล ท่านเรียกชื่อว่า ภิกษุ เพราะทำลายกิเลสแล.
จบอรรถกถาภิกขกสูตรที่ 10