เมนู

ความว่าพวกไหนพึงเป็นผู้ควรเพื่อแสดงความนบนอบ. ด้วยคาถานี้ว่า อรหนฺเต
เป็นต้น ทรงแสดงปูชนียบุคคล โดยยกพระองค์เป็นตัวอย่าง เพราะพระองค์
เป็นผู้ฉลาดในเทศนา.
จบอรรถกถามานัตถัทธสูตรที่ 5

6. ปัจจนิกสูตร



ว่าด้วยคำอันเป็นสุภาษิต



[701] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี สมัยนั้น พราหมณ์มีนามว่า
ปัจจนิกสาตะ อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี ปัจจนิกสาตพราหมณ์มีความดำริว่า
อย่ากระนั้นเลย เราพึงเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมยังที่ระทับเถิด พระสมณโคดม
จักตรัสคำใด ๆ เราจักเป็นข้าศึกคำนั้น ๆ ดังนี้.
[702] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง
ลำดับนั้น ปัจจนิกสาตพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับแล้ว
เดินตามพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งกำลังเสด็จจงกรมอยู่ ได้กราบทูลพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า ขอท่านพระสมณะจงตรัสธรรม.
[703] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
คำอันเป็นสุภาษิต อันบุคคลผู้ยินดี
จะเป็นข้าศึก มีจิตเศร้าหมอง มากไปด้วย
ความแข่งดี จะรู้แจ้งด้วยดีไม่ได้ ส่วนว่า

บุคคลใด กำจัดความแข่งดี และความไม่
เลื่อมใสแห่งใจ ถอนความอาฆาตได้แล้ว
ผู้นั้นแลพึงรู้คำอันเป็นสุภาษิต.

[704] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเช่นนี้แล้ว ปัจจนิกสาตพราหมณ์
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรม
โดยอเนกปริยายดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
ส่องประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจะมองเห็นรูปได้ ข้าแต่ท่านพระโคดม
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอด
ชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.

อรรถกถาปัจจนิกสูตร



ในปัจจนิกสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
เมื่อเขากล่าวว่า สิ่งทั้งปวงขาว พราหมณ์นั้นก็ทำการขัดแย้ง โดยนัย
เป็นต้นว่าสิ่งทั้งปวงดำ ย่อมมีความสำราญ คือมีความสุข เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า
ปจฺจนิกสาโต. บทว่า โย จ วิเนยฺย สารมฺภํ ความว่า ผู้ใดกำจัด
ความแข่งดีมีลักษณะทำให้เกิดหน้ากันแล้วฟัง.
จบอรรถกถาปัจจนิกสูตรที่ 6