เมนู

2. เทวทัตตสูตร



ว่าด้วยสหัมบดีพรหมกล่าวตำหนิพระเทวทัต



[609] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพะระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์
ในเมื่อพระเทวทัตหลีกไปแล้วไม่นาน.
ครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อราตรีปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมี
อันงดงามยิ่ง ยังภเขาคิชฌกูฏทั้งสิ้นให้สว่างแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้ายังที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง.
[610] ท้าวสหัมบดีพรหมยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วปรารภ
พระเทวทัต ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย ขุยไผ่
ย่อมฆ่าต้นไผ่ ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ สัก-
การะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว เหมือนลูกในท้องฆ่า
แม่ม้าอัสดร ฉะนั้น.


อรรถกถาเทวทัตตสูตร



ในเทวทัตตสูตรที่ 2 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อจิรปกฺกนฺเต ความว่า เมื่อพระเทวทัตทำลายสงฆ์แล้วจาก
พระเวฬุวันไปยังคยาสีสะประเทศไม่นานนัก. บทว่า อสฺสตรึ ได้แก่ลูกเกิด
แต่พ่อลาแม่ม้า.
จบอรรถกถาเทวทัตตสูตรที่ 2

3. อันธกวินทสูตร



ว่าด้วยสหัมบดีพรหมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า



[611] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในอันธกวินทคาม
ในแคว้นมคธ.
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งอยู่ในที่แจ้งในราตรี
คืนเดือนมืดและฝนกำลังตกประปรายอยู่.
ลำดับนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อราตรีปฐมยามล่วงไปแล้ว มี
รัศมีอันงดงามยิ่ง ยังอันธกวินทคามทั้งสิ้นให้สว่างแล้ว เข้าไปเฝ้พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควร
ข้างหนึ่ง.
[612] ท้าวสหัมบดีพรหมยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
ภาษิตคาถาเหล่านั้นในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ภิกษุพึงเสพที่นอนและที่นั่งอันสงัด
พึงประพฤติเพื่อควานหลุดพ้นจากสัญโญชน์
ถ้าว่าภิกษุไม่พึงได้ความยินดีในที่นั้นไซร้
ก็พึงเป็นผู้มีตนรักษาแล้ว มีสติ พึงอยู่ใน
หมู่ภิกษุผู้เที่ยวไปอยู่จากตระกูลสู่ตระกูล
เพื่อบิณฑบาต มีอันทรีย์อันคุ้มครองแล้ว
มีปัญญารักษาตน มีสติ พึงเสพที่นอนและ
ที่นั่งอันสงัด ภิกษุพ้นแล้วจากภัย น้อม
ไปแล้วในธรรมอันไม่มีภัย ปราศจากความ
สยดสยอง นั่งอยู่แล้วในที่มีสัตว์เลื้อย-