เมนู

ทุติยวรรคที่ 2



1. สนังกุมารสูตร



ว่าด้วยคำสุภาษิตของพรหม



[606] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำสัปปีนี กรุง-
ราชคฤห์.
ครั้งนั้นแล สนังกุมารพรหม เมื่อราตรีปฐมยาล่วงไปแล้ว มีรัศมี
อันงดงามยิ่ง ยังฝั่งแม่น้ำสัปปินิทั้งสิ้นให้สว่างแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ
ภาคเจ้ายังที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[607] สนังกุมารพรหม ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กล่าว
คาถานี้ในสำนักแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่ชน
ผู้รังเกียจด้วยโคตร แต่ท่านผู้ถึงพร้อมด้วย
วิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐที่สุดใน
เทวดาและมนุษย์.

[608] สนังกุมารพรหมได้กราบทูลคำนี้แล้ว พระศาสดาได้ทรงพอ
พระทัย.
ครั้งนั้นแล สนังกุมารพรหมทราบว่า พระศาสดาทรงพอพระทัยต่อ
เราถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาสนังกุมารสูตร


ทุติยวรรคสนังกุมารสูตรที่ 1 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สปฺปีนีตเร ความว่า ที่ฝั่งแม่น้ำชื่อสัปปีนี. บทว่า สนงฺกุ-
มาโร
ความว่า ได้ยินว่า สนังกุมารพรหมนั้น ในเวลาเป็นปัญจสิขกุมาร
เจริญฌานบังเกิดในพรหมโลก เที่ยวไปด้วยเพศกุมารนั่นเอง. เหตุนั้น คนทั้ง
หลายจึงจำเขาได้ว่ากุมาร. แต่เพราะเป็นคนเก่า จึงเรียกกันว่า สนังกุมาร.
บทว่า ชเนตสฺมึ ได้แก่ในประชุมชน อธิบายว่า ในหมู่ชน. บทว่า เย
โคตฺตปฏิสารโน
ความว่า ในชุมชนผู้รังเกียจักนี้เรื่องโคตรเหล่านั้น ในโลก
กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด. บทว่า วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ความว่า ประกอบ
ด้วยวิชชา 3 มีบุพเพนิวาสานุสสติญาณเป็นต้น โดยปริยายแห่งภยเภรวสูตร
หรือวิชชา 8 คือ วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิอภิญญา 6 โดยปริยายแห่งอัมพัฏฐ
สูตร และด้วยจรณะ 15 ประเภท อย่างนี้ คือ ความเป็นผู้การทำให้บริบูรณ์
ในศีลทั้งหลาย ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้จัก
ประมาณในโภชนะ ชาคริยานุโยค สัทธรรม 7 รูปฌาน 4. บทว่า โส เสฏฺโฐ
เทวมานุเส
ความว่า พราหมณ์ผู้เป็นขีณาสพนั้น เป็นผู้ประเสริฐที่สุดคือสูง
สุด ในหมู่เทพและหมู่มนุษย์.
จบอรรถกถาสนังกุมารสูตรที่ 1