เมนู

6. ปมาทสูตร



ว่าด้วยพรหมผู้ประมาท



[586] สาวัตถีนิทาน.
ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับพักกลางวัน. หลีกเร้นอยู่.
ครั้งนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหม และสุทธาวาสปัจเจกพรหมเข้าไป
ใกล้ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นได้ยืนพิงบานประตูองค์ละข้าง.
ลำดับนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมได้กล่าวกะสุทธาวาสปัจเจกพรหม
ว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ ไม่ใช่กาลอันควรที่จะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับพักกลางวันหลีกเร้นอยู่ ก็พรหมโลกโน้นบริบูรณ์
และเบิกบานแล้ว แต่พรหมในพรหมโลกนั้น ย่อมอยู่ด้วยความประมาท แน่ะ
ท่านผู้นิรทุกข์มาไปด้วยกัน เราทั้งหลายจักเข้าไปยังพรหมโลกนั้น ครั้นแล้ว
พึงยังพรหมนั้นให้สลดใจ.
สุทธาวาสปัจเจกพรหมได้รับคำของสุพรหมปัจเจกพรหมแล้ว.
ครั้งนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมและสุทธาวาสปัจเจกพรหม ได้หาย
ไปจากเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปรากฏแล้วในพรหมโลกนั้น
ปานดังบุรุษมีกำลัง ฯลฯ ฉะนั้น.
พรหมนั้นได้เห็นแล้วแลซึ่งพรหมทั้งหลายเหล่านั้น ผู้มาอยู่แต่ที่ไกล
เทียว ครั้นแล้ว ได้กล่าวคำนี้กะพรหมเหล่านั้นว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย
เชิญเถิด พวกท่านมาแต่ที่ไหนหนอ.
พรหมเหล่านั้น กล่าวว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ พวกเรามาแต่สำนักของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น แน่ะท่านผู้นิรทุกข์

ก็ท่านจะไปสู่ที่บำรุงของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าบ้างหรือ.
[587] เมื่อพรหมเหล่านั้นกล่าวแล้วเช่นนี้แล พรหมนั้นอดกลั้นคำ
นั้นไม่ได้ จึงนิรมิตตนเป็นพันตน แล้วได้กล่าวคำนี้กะสุพรหมปัจเจกพรหมว่า
แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ ท่านเห็นอิทธานุภาพเห็นปานดังนี้ ของเราหรือไม่.
สุพรหมปัจเจกพรหมกล่าวว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เราเห็นอยู่แลซึ่ง
อิทธานุภาพเห็นปานดังนี้ของท่าน.
พรหมนั้นกล่าวว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เรานั้นแลเป็นผู้มีฤทธิ์มาก
อย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ จักไปสู่ที่บำรุงของสมณะหรือพราหมณ์อื่นทำไม.
[588] ลำดับนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมนิรมิตตนเป็นสองพันตน
แล้วได้กล่าวคำนี้กะพรหมว่า.
แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ ท่านเห็นอิทธานุภาพ เห็นปานดังนี้ ของเราหรือไม่.
พรหมนั้นกล่าวว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เราเห็นอยู่แลซึ่งอิทธานุภาพ
เห็นปานดังนี้ของท่าน.
สุพรหมปัจเจกพรหมกล่าวว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์นั้นเท่านั้นเป็นผู้มีฤทธิ์มากกว่า และมีอานุภาพใหญ่กว่าท่านและเรา
ด้วย.
แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ ท่านพึงไปสู่ที่บำรุงของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
องค์นั้น ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.
[589] ครั้งนั้นแล พรหมนั้นได้กล่าวกะสุพรหมปัจเจกพรหมด้วย
คาถาว่า

แน่ะพรหม ครุฑ 300 หงส์ 400
เหยี่ยวปากตะไกร 500 และวิมานของเรา
ผู้มีฌานนี้นั้นย่อมรุ่งโรจน์ส่องสว่างอยู่ใน
ทิศอุดร.

[590] สุพรหมปัจเจกพรหมกล่าวว่า
วิมานของท่านนั้นถึงจะรุ่งโรจน์
ส่องสว่างอยู่ในทิศอุดรก็จริง ถึงเช่นนั้น
เพราะเห็นโทษในรูป [และ] เพราะเห็นรูป
อันหวั่นไหวด้วยความหนาวเป็นต้นอยู่
เป็นนิจ ฉะนั้น พระศาสดาผู้มีเมธาดีจึงไม่
ยินดีในรูป.

[591] ครั้งนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมและสุทธาวาสปัจเจกพรหม
ยังพรหมนั้นให้สลดใจแล้วหายไปในที่นั้นเอง.
ก็พรหมนั้น โดยสมัยต่อมาได้ไปสู่ที่บำรุงของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วแล.

อรรถกถาปมาทสูตร



ในปมาทสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ ความว่า ได้ยืนพิงบานประตูองค์ละบาน
เหมือนคนเฝ้าประตู. บทว่า อิทฺโธ ความว่า พรั่งพร้อมด้วยความสุขใจฌาน.
บทว่า ผีโต ได้แก่ บานสะพรั่งด้วยดอกไม้คืออภิญญา. บทว่า อนธิวาเสนฺโต
ได้แก่ อดกลั้นไม่ได้. บทว่า เอตทโวจ ความว่า นั่งในท่ามกลางพรหม
เนรมิตเหล่านั้น ได้กล่าวคำนี้ว่า ปสฺสสิ เม เป็นต้น
ในคาถาว่า ตโย สุปณฺณา เป็นต้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. บทว่า
สตะ ในบทว่า ปญฺจสตา พึงประกอบโดยรูปหรือโดยแถว. จะว่าโดยรูป
ก่อน บทว่า ตโย สุปณฺณา ได้แก่ รูปครุฑ 300. บทว่า จตุโร จ
หํสา
ได้แก่รูปหงส์ 400. บทว่า พยคฺฆินิสา ปญฺจสตา ได้แก่ มฤค-
บางเหล่าเช่นกับเสือโคร่ง ชื่อว่า พยัคฆินิสา. รูปมฤคที่เหมือนเสือโคร่ง
เหล่านั้นมีจำนวน 500. ว่าโดยแถว บทว่า ตโย สุปณฺณา ได้แก่ครุฑ
300 แถว. บทว่า จตุโร หํสา ได้แก่หงส์ 400 แถว. บทว่า พยคฺฆินิสา
ปญฺจสตา
ได้แก่มฤคเหมือนเสือโคร่ง 500 แถว. ด้วยบทว่า ฌายิโน
พรหมแสดงว่า ในวิมานของเราผู้ได้ฌานมีความรุ่งโรจน์ขนาดนี้. บทว่า
โอภาสยํ ได้แก่ สว่างไสว. บทว่า อุตฺตรสฺสํ ทิสายํ ความว่า ได้ยินว่า
วิมานทองใหญ่นั้น ปรากฏในทิศอุดร แต่ที่ ๆ มหาพรหมเหล่านั้นสถิตอยู่
เพราะฉะนั้น จึงกล่าวอย่างนี้. ก็พรหมนั้นมีความประสงค์ดังนี้ว่า เราอยู่ใน
วิมานทองเห็นปานนี้ จักไปสู่ที่บำรุงใครอื่นเล่า. บทว่า รูเป รณํ ทสฺวา