เมนู

7. อุปจาลาสูตร



ว่าด้วยมารรบกวนอุปจาลาภิกษุณี



[541] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น เวลาเช้า อุปจาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้า
ไปบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี เที่ยงบิณฑบาตไปในกรุงสาวัตถุแล้ว เวลาปัจฉาภัต
กลับจากบิณฑบาตแล้วเข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวัน
แล้ว จึงนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
[542] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้อุปจาลาภิกษุณีบังเกิดความ
กลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ
จึงเข้าไปหาอุปจาลาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะอุปจาลาภิกษุณีว่า
ดูก่อนภิกษุณี อย่างไรหนอท่านจึงอยากจะเกิด.
อุปจาลาภิกษุณีตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เราไม่อยากเกิดในที่ไหน ๆ
เลย.
[543] มารผู้มีบาปกล่าวว่า.
ท่านจงตั้งจิตไว้ในพวกเทพชั้นดาว
ดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี
และชั้นวสวัตตีเถิด ท่านจักได้เสวยความ
ยินดี.

[544] อุปจาลาภิกษุณีกล่าวว่า
พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา
ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัตตี

ยังผูกพันอยู่ด้วยเครื่องผูกคือกาม จำต้อง
กลับมาสู่อำนาจมารอีก โลกทั้งหมด
เร่าร้อน โลกทั้งหมดคุเป็นควัน โลก
ทั้งหมดลุกโพลง โลกทั้งหมดสั่นสะเทือน.

ใจของเรายินดีแน่วในพระนิพพาน
อันไม่สั่นสะเทือน อันไม่หวั่นไหว ที่
ปุถุชนเสพไม่ได้ มิใช่คติของมาร.

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า อุปจาลาภิกษุณีรู้จักเรา
ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาอุปจาลาสูตร



ในอุปจาลาสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เอนฺติ มารวสํ ปุน ความว่า มาสู่อำนาจ มรณมาร
กิเลสมาร และเทวบุตรมาร. บทว่า ปธูปิโต ได้แก่ ให้เดือดร้อน. บทว่า
อคติ ยตฺถ มารสฺส ความว่า ในพระนิพพานใด ท่านผู้เป็นมารไปไม่ได้.
บทว่า ตตฺถ ได้แก่ ในพระนิพพานนั้น.
จบอรรถกถาอุปจาลาสูตรที่ 7