เมนู

8. หิริสูตร



ว่าด้วยเกียดกันอกุศลด้วยหิริ


[38] เทวดากล่าวว่า
บุรุษที่เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ
ได้มีอยู่น้อยคนในโลก ภิกษุใดบรรเทา
ความหลับเหมือนม้าดีหลบแซ่ ภิกษุนั้นมี
อยู่น้อยรูปในโลก.

[39] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ขีณาสวภิกษุพวกใด เป็นผู้เกียดกัน
อกุศลธรรมด้วยหิริ มีสติประพฤติอยู่ใน
กาลทั้งปวง ขีณาสวภิกษุพวกนั้น บรรลุ
นิพพานเป็นส่วนสุดแห่งทุกข์แล้ว ย่อม
ประพฤติเรียบร้อย ในบุคคลผู้ไม่เรียบร้อย.

อรรถกถาหิริสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในหิริสูตรที่ 8 ต่อไป :-
ชนใดย่อมเกียดกันอกุศลธรรมทั้งหลายด้วยหิริ เพราะเหตุนั้น ชนนั้น
จึงชื่อว่าผู้เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ. บทว่า โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ นี้
เทวดาทูลถามว่า ใครๆ เห็นปานนี้ยังมีอยู่หรือ. บทว่า โย นินฺทํ อปโพเธติ
แปลว่า บุคคลใดเมื่อนำความครหา (ความชั่ว) ออกย่อมรู้.
บทว่า อสฺโส ภโทฺร กสามิว อธิบายว่า ม้าอาชาไนยตัวเจริญ
เมื่อสารถีนำแซ่ออกย่อมรู้ ย่อมไม่ให้แซ่ตกไปในตน เพราะเห็นเงาแห่งปฏัก
เป็นราวกะแทงอยู่ ฉันใด ภิกษุใด เมื่อไม่ให้อักโกสนวตถุ (เรื่องด่า)
อันเป็นจริงตกไปในตน ชื่อว่านำความนินทาออก เมื่อนำออกย่อมรู้ เทวดา
ทูลถามว่า พระขีณาสพเห็นปานนี้ สักองค์หนึ่งมีอยู่หรือ. แต่ว่า บุคคลผู้ชื่อว่า
พ้นจากการด่าด้วยถ้อยคำอันไม่เป็นจริง ย่อมไม่มี. บทว่า ตนุยา แปลว่า
น้อย อธิบายว่า ชื่อว่า พระขีณาสพทั้งหลายเกียดกันอกุศลธรรมทั้งหลายด้วย
หิริเที่ยวไปอยู่ มีน้อย. บทว่า สทา สตา ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยความ
ไพบูลย์แห่งสติตลอดกาลเป็นนิตย์. บทว่า อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺย ได้แก่
บรรลุพระนิพพานอันเป็นธรรมที่สิ้นสุดของวัฏทุกข์. คำที่เหลือ มีนัยตามที่
กล่าวแล้วนั่นแหละ.
จบอรรถกถาหิริสูตรที่ 8