เมนู

อรรถกถาขัตติยสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในขัตติยสูตรที่ 4 ต่อไป :-
บทว่า ขตฺติโย ทิปทํ แปลว่า พระราชาประเสริฐสุดกว่าสัตว์
2 เท้า. บทว่า โกมารี ความว่า เทวดากล่าวว่า ภรรยาที่เป็นกุมารี
ประเสริฐสุดกว่าภรรยาทั้งหลาย เพราะถือเอาในเวลาที่เธอเป็นกุมารี (หญิงสาว).
บทว่า ปุพฺพโช ความว่า บุตรคนใดเกิดก่อนเป็นคนบอดข้างเดียวก็ตาม
หรือบุตรที่เป็นง่อยเป็นต้นก็ตาม คนใดเกิดก่อน คนนี้แหละ ชื่อว่าประเสริฐ
สุด ในวาทะของเทวดานี้ ก็เพราะสัตว์ 2 เท้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นนี้
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ 2 เท้าทั้งหมด ฉะนั้น พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาตอบ.
พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ 2 ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าประเสริฐสุด
กว่าสัตว์ทั้งหมด ทั้งสัตว์มีเท้าและไม่มีเท้า แม้ก็จริง ถึงอย่างนั้นพระองค์
เมื่อจะทรงอุบัติย่อมทรงอุบัติในสัตว์ 2 เท้าเท่านั้น. เพราะฉะนั้น จึงตรัสว่า
สมฺมาสมฺพุทฺโธ ทิปทํ เสฏฺโฐ แปลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐ
กว่าสัตว์ 2 เท้า ดังนี้ . ความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นเป็นผู้ประเสริฐ
สุดกว่าสัตว์ 2 เท้าทั้งหมดนั้น ไม่คลาดเคลื่อนแล้ว.
บทว่า อาชานีโย อธิบายว่า ช้างหรือสัตว์ทั้งหลายมีม้าเป็นต้นก็
ตามที สัตว์ตัวใดตัวหนึ่งย่อมรู้ซึ่งเหตุ สัตว์อาชาไนยนี้จัดเป็นสัตว์ประเสริฐสุด
กว่าสัตว์ 4 เท้า เหมือนม้าชื่อว่า คุฬวรรณของพระราชาพระนามว่า กูฎกรรม.
ได้ยินว่า พระราชาเสด็จออกทางทวารด้านปราจีน ทรงดำริว่า เรา
จักไปเจติยบรรพต พอเสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำกลัมพะ. ม้าหยุดอยู่ที่ฝัง ไม่ปรารถนา