เมนู

อรรถกถาอัปปฏิวัทิตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 7 ต่อไป :-
บทว่า ธมฺมา ได้แก่ สัจจธรรม 4.
บทว่า อปฺปฏิวิทิตา ได้แก่ ยังมิได้แทงตลอดด้วยญาณ.
บทว่า ปรวาเทสุ ได้แก่ ในวาทะอัน ประกอบด้วยทิฏฐิ 62 จริงอยู่
วาทะเหล่านั้น ชื่อว่า วาทะของชนพวกอื่น เพราะเป็นวาทะของพวกเดียรถีย์
อื่น นอกจากวาทะในศาสนานี้.
บทว่า นียเร ได้แก่ ย่อมเคลื่อนไปตามธรรมดาของคนบ้าง บุคคล
อื่นย่อมจูง (นำ) ไปบ้าง ในบทเหล่านั้น เมื่อถือเอาวาทะว่าเที่ยง เป็นต้นเอง
ชื่อว่า ย่อมเคลื่อนไป. เมื่อถือเอาวาทะว่าเที่ยงนั้น ตามถ้อยคำของผู้อื่น ชื่อว่า
ถูกผู้อื่นจูงไป. บทว่า กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุํ อธิบายว่า กาลนี้ เป็นกาล
สมควรเพื่อจะตื่นของบุคคลเหล่านั้น. จริงอยู่ พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก
พระธรรมอันพระองค์ย่อมทรงแสดง พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ทั้งปฏิปทาก็
เจริญ เทวดาจึงกล่าวว่า ก็มหาชนเหล่านี้หลับแล้วในวัฏฏะ ยังไม่ตื่น ดังนี้.
ในบทว่า สมฺพุทฺธา ได้แก่ ผู้ตรัสรู้แล้วโดยชอบ ด้วยเหตุ ด้วย
การณ์. จริงอยู่ ผู้ตรัสรู้ 4 จำพวก คือ พระสัพพัญญูพุทธะ ปัจเจก-
พุทธะ จตุสัจจพุทธะ
และ สุตพุทธะ. ในพุทธะเหล่านั้น ผู้บำเพ็ญ
บารมี 30 ทัศ แล้วบรรลุพระสัมมาสัมโพธิ ชื่อว่า พระสัพพัญญูพุทธะ.
ผู้บำเพ็ญบารมีสิ้น 2 อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป จึงบรรลุด้วยตนเอง ชื่อว่า