เมนู

10. พันธนสูตร



ว่าด้วยเครื่องจองจำที่มั่นคง



[352] สมัยนั้น หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลให้จองจำไว้แล้ว
บางพวกถูกจองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวกถูกจองจำ
ด้วยโซ่ตรวน.
ครั้งนั้น ภิกษุหลายรูปครองผ้าเรียบร้อยแล้วในเวลาเช้าถือบาตรและ
จีวรเข้าไปสู่กรุงสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต ครั้นกลับจากบิณฑบาตในเวลาหลัง
ภัตตาหารแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถวายบังคม แล้วได้นั่งอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พวกภิกษุเหล่านั้น ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ วันนี้หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลให้จองจำไว้แล้ว บางพวกถูก
จองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวกถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน.
[353] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึง
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านั้นในเวลานั้นว่า
นักปราชญ์ทั้งหลายไม่ได้กล่าวว่า
เครื่องจองจำที่ทำด้วยเหล็ก ทำด้วยไม้
และทำด้วยหญ้า (เชือก) เป็นเครื่องจองจำ
ที่มั่น นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าความรัก
ใคร่นักในแก้วมณีและกุณฑล และความ
อาลัยในบุตรและภรรยาทั้งหลายว่าเป็นเครื่อง
จองจำที่มั่น พาให้ตกต่ำ เป็นเครื่องจองจำที่

หย่อน ๆ แต่แก้ยาก นักปราชญ์ทั้งหลาย
ตัดเครื่องจองจำแม้เช่นนั้นออกบวช เป็น
ผู้ไม่มีความอาลัย ละกามสุขเสียแล้ว.

จบ ปฐมวรรค

อรรถกถาพันธนสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในพันธนสูตรที่ 10 ต่อไป :-
ภิกษุเหล่านั้น ทูลเหตุที่พระอานนทเถระกระทำดีในมนุษย์เหล่านั้น
ดังนี้ว่า อิธ ภนฺเต รญฺญา. ได้ยินว่า แก้วมณี 8 เหลี่ยม ที่ท้าวสักกะประทาน
แก่พระเจ้ากุสราช มาสืบ ๆ กัน ตามประเพณี. เวลาทรงประดับ พระราชาตรัส
สั่งให้นำแก้วมณีนั้นมา. มนุษย์ทั้งหลาย กราบทูลว่า พวกข้าพระองค์ไม่พบใน
ที่เก็บ. พระราชาจึงให้จองจำพนักงานที่ปฏิบัติงานภายในพระราชนิเวศน์ไว้ สั่ง
ว่า พวกเจ้าจงเสาะหาแก้วมณีนั้นมาให้. พระอานนทเถระเห็นคนเหล่านั้นแล้ว
ก็ให้กั้นม่านไว้ แล้วบอกอุบายแก่พวกคนเก็บรักษา. คนเหล่านั้น ก็กราบทูล
แด่พระราชา. พระราชารับสั่งว่า พระเถระเป็นบัณฑิต พวกเจ้าจงทำตาม
พระเถระ พวกคนเก็บรักษา ก็ตั้งหม้อน้ำไว้ที่พระลานหลวงกั้นม่านไว้ แล้ว
บอกผู้คนเหล่านั้นว่า พวกท่านจงห่มผ้าแล้วไปที่นั้นจงจุ่นมือลง. คนขโมยแก้ว
มณีคิดว่า เราไม่อาจจำหน่ายหรือใช้สอยของของพระราชาได้กลับไปเรือน เอา
แก้วมณีหนีบรักแร้ห่มผ้ามาแล้วใส่ลงในหม้อน้ำ แล้วก็หลีกไป. เมื่อมหาชน
กลับไปแล้ว พวกคนของพระราชา เอามือควานในหม้อน้ำก็พบแก้วมณีแล้ว
นำไปถวายแด่พระราชา. ได้ยินว่า พระอานนทเถระเห็นแก้วมณี โดยนัยที่แสดง