เมนู

อรรถกาปัชโชตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปัชโชตสูตรที่ 10 ต่อไป :-
บทว่า แสงสว่าง ได้แก่แสงสว่างดุจประทีป. บทว่า เครื่องตื่นอยู่
ได้แก่ ย่อมเป็นดุจชาคริกพราหมณ์ (พราหมณ์ผู้ตื่นอยู่). บทว่า ฝูงโคเป็น
สหายในการงานของผู้เป็นอยู่
อธิบายว่า ฝูงโคเท่านั้นเป็นสหายในการงาน
ชื่อว่า มีการงานเป็นเพื่อนสอง ในการงานของพวกชนที่มีชีวิตอยู่กับการงาน
คือว่า พวกเขา ย่อมยังกสิกรรมเป็นต้นให้สำเร็จกับด้วยโคมณฑลทั้งหลาย.
บทว่า สิตฺสฺส อิริยาปโถ ได้แก่ ไถเป็นอิริยาบถ คือเป็นเครื่องสืบต่อ
แห่งชีวิตของหมู่สัตว์นั้น. บทว่า สิตํ แปลว่า คันไถ. เพราะว่า นาของ
ชาวนาคนใด แม้มีประมาณน้อย ย่อมไม่ทำการไถแล้ว เขาย่อมกล่าวว่า
เราจักเป็นอยู่ได้อย่างไร ดังนี้.
จบอรรถกถาปัชโชติสูตรที่ 10

11. อรณสูตร



[219] เทวดาทูลถามว่า
คนพวกไหนหนอไม่เป็นข้าศึกใน
โลกนี้ พรหมจรรย์ที่อยู่จบแล้วของชน
พวกไหน ย่อมไม่เสื่อม คนพวกไหนกำ-
หนดรู้ความอยากได้ในโลกนี้ ความเป็น
ไทมีแก่คนพวกไหนทุกเมื่อ มารดาบิดา
หรือพี่น้องย่อมไหว้บุคคลนั้น ผู้ตั้งมั่นใน
ศีล คือ ใครหนอ พวกกษัตริย์ ย่อมอภิ-
วาทใครหนอในธรรมวินัยนี้ ผู้มีชาติต่ำ.

[220] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
สมณะทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ไม่
เป็นข้าศึกในโลก พรหมจรรย์ที่อยู่จบแล้ว
ของสมณะทั้งหลายย่อมไม่เสื่อม สมณะ
ทั้งหลายย่อมกำหนดรู้ความอยากได้ ความ
เป็นไทย่อมมีแก่สมณะทั้งหลายทุกเมื่อ
มารดาบิดาหรือพี่น้องย่อมไหว้บุคคลนั้น
ผู้ตั้งมั่น (ในศีล) คือสมณะ ถึงพวก
กษัตริย์ก็อภิวาทสมณะในธรรมวินัยนี้ ผู้มี
ชาติต่ำ.

จบ อรณสูตรที่ 11
จบ ฆัตวาวรรคที่ 8