เมนู

7. อุฑฑิตสูตร



[190] เทวดาทูลถามว่า
โลกอันอะไรหนอดักไว้ อันอะไร
หนอล้อมไว้ โลกอันอะไรหนอปิดไว้ โลก
ตั้งอยู่แล้วในอะไร.

[191] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
โลกอันตัณหาดักไว้ อันชราล้อมไว้
โลกอันมฤตยูปิดไว้ โลกตั้งอยู่แล้วในทุกข์.


อรรถกถาอุฑฑิตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอุฑฑิตสูตรที่ 7 ต่อไป:-
บทว่า ตณฺหาย อุฑฺฑิโต แก้เป็น ตณฺหาย อุลฺลงฺฆิโต แปล
ว่า อันตัณหาดักไว้ อธิบายว่า ก็เชือก คือ ตัณหาร้อยรัดมัดจักษุให้ติดกับ
หลักคือรูป ร้อยรัดโสตเป็นต้น กับเสียงเป็นต้น เพราะฉะนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า โลกอันตัณหาดักไว้แล้ว ดังนี้. บทว่า มจฺจุนา ปิหิโต
แปลว่า อันมฤตยูปิดแล้ว อธิบายว่า กรรมกระทำอัตภาพให้ติดกันไปเป็นพืด
ก็สัตว์ทั้งหลายย่อมไม่รู้ความเกิดคิดต่อกัน ไปแห่งจิตดวงหนึ่งที่ไม่ห่างกัน
เพราะถูกเวทนาในเวลาใ่กล้ต่อความตายที่มีกำลังปิดบังไว้ (ท่วมทับแล้ว) ราว
กะถูกภูเขาปิดบังอยู่ ย่อมไม่รู้ความตายอันนั้น เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสว่า โลกอันมฤตยูปิดบังไว้ ดังนี้.
จบอรรถกถาอุฑฑิตสูตรที่ 7

8. ปิหิตสูตร



[192] เทวดาทูลถามว่า
โลกอันอะไรหนอปิดไว้ โลกตั้งอยู่
แล้วในอะไร โลกอันอะไรหนอดักไว้ อัน
อะไรหนอล้อมไว้.

[193] พระผู้มีพระภาคเจ้าตอบว่า
โลกอันมฤตยูปิดไว้ โลกตั้งอยู่แล้ว
ในทุกข์ โลกอันตัณหาดักไว้ อันชราล้อม
ไว้.

ในปิหิตสูตรที่ 8 ก็คือปัญหาที่ 7 นั้นนั่นแหละ เทวดาทูลถามด้วย
สามารถแห่งปัญหาอันกำหนดเอาเนื้อความข้างล่างสลับกับเนื้อความข้างบน.

9. อิจฉาสูตร



[194] เทวดาทูลถามว่า
โลกอันอะไรผูกไว้ เพราะกำจัดอะไร
เสียจึงจะหลุดพ้น เพราะละอะไรได้ขาด
จึงตัดเครื่องผูกได้ทุกอย่าง.