เมนู

อรรถกถาชราสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 1 แห่งชราวรรคที่ 6 ต่อไป :-
บทว่า สาธุ ความว่า ย่อมให้บรรลุประโยชน์อันดี. พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ย่อมทรงแสดงคำว่า สาธุ นี้ ด้วยบทว่า สีลํ ยาว ชรา นี้ ก็
เครื่องประดับ ทั้งหลายมีแก้วมุกดาแก้วมณีและผ้าเป็นต้น ย่อมงามแก่บุคคลใน
เวลาที่ยังเป็นหนุ่มสาวเท่านั้น เมื่อบุคคลทรงเครื่องประดับเหล่านั้นในเวลาที่
ตนเป็นผู้แก่คร่ำคร่าแล้วเพราะชรา ก็จะประสบถ้อยคำอันบุคคลพึงกล่าวว่า
บุคคลนี้ย่อมปรารถนาจะเป็นเด็กแม้ในวันนี้ เห็นจะเป็นบ้า ดังนี้ ส่วนศีลหา
เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะว่า ศีลย่อมงามตลอดกาลเป็นนิตย์ ชนทั้งหลายย่อม
รักษาศีลในวัยเด็กก็ดี ในวัยกลางคนก็ดี ในวัยแก่ก็ดี ย่อมไม่มีผู้ที่จะกล่าวว่า
มีประโยชน์อะไรด้วยศีลของบุคคลนี้ ดังนี้. บทว่า ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จ
อธิบายว่า ชื่อว่า ศรัทธาตั้งมั่นอันมาแล้วด้วยมรรค
ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ เหมือนศรัทธาของชนทั้งหลายมีหัตถกะอุบาสก
ชาวอาฬวกะและจิตตคหบดี เป็นต้น. ในคำว่า ปัญญาเป็นรัตนะของคน
ทั้งหลาย
นี้บัณฑิตพึงทราบว่าเป็น รัตนะ เพราะชนทั้งหลายทำความยำเกรง.
สมจริงตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ถ้าว่ารัตนะ คือบุคคลผู้อันบุคคล
พึงทำความยำเกรงไซร้ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นบุรุษเพียงดังสีหะ ก็เป็นผู้อัน
บุคคลพึงทำความยำเกรงมิใช่หรือ แม้ชนทั้งหลายผู้ควรยำเกรงในโลกมีอยู่ ชน
เหล่านั้น ควรทำความยำเกรงในพระผู้มีพระภาคเจ้า ผิว่า รัตนะ คือบุคคล
ผู้ประกอบความยินดีไซร้ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นบุรุษเพียงดังสีหะ ก็เป็นผู้
อันบุคคลพึงทำความยินดีมิใช่หรือ เพราะเมื่อพระพฤติตามคำของพระองค์

ย่อมอภิรมย์ด้วยความสุข อันเกิดแต่ความพอใจในฌาน และความสุขอันเกิด
แต่ความยินดี ผิว่า รัตนะ คือ เป็นผู้ไม่มีใครเสมอไซร้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้เป็นบุรุษเพียงสีหะ ก็ไม่มีบุคคลเสมอ (มีคุณอันบุคคลชั่งไม่ได้) มิใช่หรือ
เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า มีพระบารมีอันเป็นความดียิ่งกว่าความดีทั้งหลาย
ใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะเสมอ (ใคร ๆ ไม่อาจเพื่อชั่งได้) ผิว่า รัตนะ คือ เป็น
บุคคลหาได้โดยยาก พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นบุรุษเพียงดังสีหะ ก็เป็นบุคคลที่
หาได้โดยยาก มิใช่หรือ ผิว่า รัตนะ คือเครื่องใช้สอยของสัตว์อันไม่ทราม
พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็เป็นผู้ไม่ทรามด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณ-
ทัสสนะ มิใช่หรือ. แต่ในที่นี้ ตรัสว่า ปัญญาเป็นรัตนะ เพราะอรรถว่า
เป็นความปรากฏแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าอันบุคคลหาได้โดยยาก.
บทว่า บุญ ได้แก่ บุญเจตนา (เจตนาอันเป็นบุญ) เพราะว่า
เจตนานั้นถึงความเป็นภาวะมิใช่รูป อันใคร ๆ ไม่อาจเพื่อนำไปได้ ดังนี้แล.
จบอรรถกถาชรสูตรที่ 1

2. อชรสาสูตร



[160] เทวดาทูลถามว่า
อะไรหนอ เพราะไม่ชำรุดจึงยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ ดำรงมั่น
แล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ
เป็นรัตนะของชนทั้งหลาย อะไรหนอ
บุคคลพึงนำให้พ้นจากพวกโจรได้.

[161] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ศีล เพราะไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์
ให้สำเร็จ ศรัทธา ดำรงมั่นแล้ว ยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญา เป็นรัตนะของ
คนทั้งหลาย บุญ อันบุคคลพึงนำไปให้
พ้นจากพวกโจรได้.


อรรถกถาอชราสาสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอชรสาสูตรที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า อชรสา แปลว่า เพราะไม่ชำรุด คือไม่วิบัติ. เพราะว่าศีล
อันไม่วิบัตินั่นแหละ ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ. ชนทั้งหลายแม้จะเป็นอาจารย์
และอุปัชฌาย์เป็นต้น ย่อมไม่สงเคราะห์บุคคลผู้มีศีลวิบัติแล้ว ดังนั้น บุคคล
พึงฝึกตนในที่ ๆ ตนไปแล้ว ๆ นั่นแหละ ดังนี้แล.
จบอรรถกถาอชราสูตรที่ 2