เมนู

4. เอกมูลสูตร



ว่าด้วยปริศนาธรรม



[141] เทวดากราบทูลว่า
บาดาล มีรากอันเดียว มีความ
วนสอง มีมลทินสาม มีเครื่องลาดห้า เป็น
ทะเล หมุนไปได้สิบสองด้าน ฤาษีข้ามพ้น
แล้ว.


อรรถกถาเอกมูลสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในเอกมูลสูตรที่ 4 ต่อไป :-
บทว่า เอกมูลํ ได้แก่อวิชชาเป็นราก (มูล) แห่งตัณหา ทั้งตัณหา
ก็เป็นราก (มูล) แห่งอวิชชา แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาตัณหา. ก็ตัณหานั้น
ย่อมหมุนเป็นไปสองอย่าง คือ ด้วยสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ เพราะเหตุนั้น
ตัณหานั้น จึงชื่อว่า มีความหมุนเป็นสอง. ตัณหานั้น ชื่อว่า มีมลทินสาม
มีราคะเป็นต้น. โมหะ ก็ชื่อว่ามีมลทินในที่นั้นเพราะเป็นเงื่อนแห่งสหชาตของ
ตัณหานั้น. ราคะโทสะ มีกามคุณห้าเป็นเครื่องลาดของตัณหานั้น เพราะเป็น
เงื่อนแห่งอุปนิสสยะ (คือที่อาศัยอย่างมั่นคง). ตัณหานั้นแหละแผ่ไปในธรรม

เหล่านั้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า มีเครื่องลาด 5. ก็ตัณหานั่นแหละ ชื่อว่า
เป็นสมุทร (ทะเล) เพราะอรรถว่า ไม่รู้จักเต็ม. ตัณหานั้น ย่อมหมุนเวียน
เปลี่ยนไปในอายตนะ 12 ทั้งภายในและภายนอก เพราะเหตุนั้น ตัณหานั้น
จึงชื่อว่าหมุนไปได้ 12 ด้าน. ก็ตัณหานั้น ท่านเรียกว่า บาดาล เพราะ
อรรถว่า ไม่ตั้งมั่น. ฤาษีข้ามแล้ว ข้ามขึ้นแล้ว ย่อมก้าวล่วงซึ่งบาดาล
(ตัณหา) นั้นซึ่งมีรากเดียว ฯลฯ.
จบอรรถกถาเอกมูลสูตรที่ 4

5. อโนมิยสูตร



ว่าด้วยเทวดาสรรเสริญ



[142] เทวดากราบทูลว่า
ท่านทั้งหลายเชิญดูพระพุทธเจ้าพระ-
องค์นั้น ผู้มีพระนามไม่ทราม ผู้ทรงเห็น
ประโยชน์อันละเอียด ผู้ให้ซึ่งปัญญา
ไม่ทรงข้องอยู่ในอาลัยคือกาม ตรัสรู้ธรรม
ทุกอย่าง มีพระปรีชาดี ทรงก้าวไปในทาง
อันประเสริฐ ผู้ทรงแสวงคุณอันใหญ่.

อรรถกถาอโนมิยสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอโนมิยสูตรที่ 5 ต่อไป :-
บทว่า อโนมนามํ อธิบายว่า มีพระนามอันไม่บกพร่อง มีพระนาม
บริบูรณ์ เพราะความที่พระองค์ทรงประกอบด้วยคุณทั้งปวง. บทว่า นิปุณตฺถ-
ทสฺสํ
อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นประโยชน์ทั้งหลายละเอียดโดยมี
ความแตกต่างกันแห่งขันธ์เป็นต้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ทรงเห็นประโยชน์
อันละเอียด. บทว่า ปญฺญาททํ อธิบายว่า ชื่อว่า ผู้ให้ซึ่งปัญญา เพราะสามารถ