เมนู

ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุข
เป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็นเหมือน
เช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้
เพลิงยังไหม้ได้ หรือสูญหายไปได้.
อนึ่ง บุคคลจำต้องละร่างกายพร้อม
ด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป ผู้มี
ปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและ
ให้ทาน.
เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควร
แล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึงสถานที่อัน
เป็นสวรรค์.


อรรถกถาอาทิตตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในวรรคที่ 5 แห่งอาทิตตสูตรที่ 1 ต่อไป :-
บทว่า ชราย มรเณน จ นี้ เป็นหัวข้อแห่งเทศนา อธิบายว่า
โลกคือหมู่สัตว์ถูกไฟทั้งหลาย 11 กอง* มีราคะเป็นต้น แผดเผาแล้วเทียว.
บทว่า ทาเนน ได้แก่มีเจตนาในการให้ทาน. บทว่า ทินฺนํ โหติ สุนีภตํ
ความว่า เจตนาอันเป็นบุญในการให้ย่อมมีแก่ทายกนั่นแหละ เหมือนสิ่งของ
อันเจ้าของเรือนนำออกแล้ว ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า โจรา หรนฺติ
* ไฟ 11 กองคือ ราคะ, โทสะ, โมหะ, ชาติ, ชรา, มรณะ, โสกะ, ปริเทวะ, ทุกข์, โทมนัส,
อุปายาส

อธิบายว่า เมื่อโภคะอันตนไม่ได้ให้แล้ว แม้โจรทั้งหลายก็ปล้นได้ แม้พระ-
ราชาทั้งหลายยังริบได้ แม้ไฟยังไหม้ได้ หรือสูญหายไป แม้ในที่อันตนเก็บ
ไว้แล้ว. บทว่า อนฺเตน แปลว่า ด้วยการตาย. บทว่า สรีรํ สปริคฺคหํ
อธิบายว่า ร่างกายและโภคะไม่พินาศไปด้วยสามารถแห่งอันตรายทั้งหลายมีโจร
เป็นต้น. บทว่า สคฺคมุเปติ อธิบายว่า ย่อมบังเกิดในสวรรค์เหมือนสาธุชน
ทั้งหลาย มีพระเวสสันดรผู้เป็นมหาราชเป็นต้น.
จบอรรถกถาอาทิตตสูตรที่ 1

2. กินททสูตร



ว่าด้วยเทวตาปัญหา 5 ข้อ



[137] เทวดาทูลถามว่า
บุคคลให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้กำลัง ให้
สิ่งอะไรชื่อว่าให้วรรณะ ให้สิ่งอะไรชื่อว่า
ให้ความสุข ให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้จักษุ
และบุคคลเช่นไรชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ข้าพระองค์ทูลถามพระองค์ ขอพระองค์
ตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด.

[138] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
บุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง ให้ผ้า
ชื่อว่าให้วรรณะ ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้
ความสุข ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
และผู้ที่ให้ที่พักพาอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่ง
ทุกอย่าง ส่วนผู้ที่พร่ำสอนธรรมชื่อว่าให้
อมฤตธรรม.