เมนู

อรรถกถามหาสฬายตนสูตร1



มหาสฬายตนสูตร ขึ้นต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
ในพระสูตรนั้น คำว่า มหาสฬายตนิกํ เป็นธรรมบรรยายส่อง
ถึงอายตนะที่สำคัญทั้ง 6 อย่าง. คำว่า เมื่อไม่รู้ คือไม่รู้ด้วยมรรคที่พร้อมกับ
วิปัสสนา. คำว่า ถึงความพอกพูน คือย่อมถึงความเจริญ หมายความ
ว่า ย่อมถึงความชำนิชำนาญ คำว่า ทางกาย ได้แก่ ความกระสับกระส่าย
ทางทวารทั้ง 5. คำว่า ทางใจ ได้แก่ ความกระสับกระส่ายทางมโนทวาร.
แม้ในคำว่า ความเร่าร้อน เป็นต้น ก็ทำนองเดียวกันนี้เหมือนกัน. บทว่า สุข
ทางกาย
ได้แก่ สุขทางทวาร 5. คำว่า สุขทางใจ ได้แก่สุขทางมโนทวาร.
และในคำว่า สุขทางใจ นี้ ไม่มีการเข้าหรือการออกด้วยชวนะทางทวาร 5. คือ
ความสุขทางใจนี้สักว่าเกิดขึ้นเท่านั้นเอง. ทุกอย่างย่อมมีได้ทางมโนทวาร.
ก็แหละวิปัสสนาที่มีกำลังนี้ย่อมเป็นปัจจัยแก่มรรควุฏฐาน. วิปัสสนาที่มีกำลังนั้น
จึงมีได้ทางมโนทวารเหมือนกัน .
คำว่า ตถาภูตสฺส คือ เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยความสุขทางใจ ที่
ประกอบพร้อมด้วยกุศลจิต. คำว่า ปุพฺเพว โข ปนสฺส คือ วาจา
การงานและอาชีพ ของภิกษุนั้น ชื่อว่า สะอาดมาก่อนแล้ว คือย่อมเป็นของ
หมดจดตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนอีก 5 องค์ คือความเห็น ความดำริ ความพยายาม
ความระลึก ความตั้งมั่น ชื่อว่าเป็นองค์ที่สนับสนุนในทุกกรณี. ด้วยประการ
ฉะนี้ โลกุตตรมรรค จึงมีองค์ 8 หรือองค์ 7 ก็ได้. ส่วนผู้ที่ชอบพูดเคาะ
(แซว) จับเอาเนื้อพระสูตรนี้แหละว่า ความเห็นของภิกษุผู้เป็นอย่างนั้นใด
1. บาลี เป็นสฬายตนวิภังคสูตร