เมนู

จะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วพระพฤติพรหมจรรย์
โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ ความ
ไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุ
ผล แต่ถ้าแม้ทำความหวังแล้วพระพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถ
บรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะ
สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์
โดยแยบคาย เขาจะสามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวัง
ก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผล ดูก่อน
พระราชกุมาร เรื่องนี้อาตมภาพมิได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงทรงพยากรณ์อย่างนี้ นั่นเป็นฐานะ
ที่มีได้แล.
ร. ถ้าศาสดาของท่านภูมิชะมีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ บอกไว้
อย่างนี้ ศาสดาของท่านภูมิชะ ชะรอยจะดำรงอยู่เหนือหัวของสมณพราหมณ์
จำนวนมากทั้งมวลโดยแท้.
ต่อนั้น พระราชกุมารชยเสนะทรงอังคาสท่านพระภูมิชะ ด้วยอาหาร
ในภาชนะส่วนของพระองค์.

ว่าด้วยเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า


[408] ครั้งนั้นแล ท่านพระภูมิชะกลับจากบิณฑบาต ภายหลังเวลา
อาหารแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพร-
ภาคเจ้า นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอกราบทูลให้
ทรงทราบ เมื่อเช้านี้ข้าพระองค์นุ่งสบง ทรงบาตรจีวรเข้าไปยังวังของพระราช-

กุมารชยเสนะ แล้วได้นั่งบนอาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้ ต่อนั้น พระราชกุมารชย-
เสนะได้เข้ามาหาข้าพระองค์ แล้วได้ตรัสทักทายปราศรัยกับข้าพระองค์ ครั้น
ผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกัน ไปแล้ว. ได้ประทับ นั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง พอประทับ นั่งเรียบร้อยแล้วได้รับสั่งกะข้าพระองค์ดังนี้ว่า ข้าแต่
ท่านภูมิชะ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า ถ้าแม้
บุคคลทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวัง แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่
สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติ-
พรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ในเรื่องนี้ ศาสดาของท่านภมิชะ
มีวาทะอย่างไร มีความเห็นอย่างไร บอกไว้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เมื่อพระราชกุมารรับสั่งแล้วอย่างนี้ ข้าพระองค์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนพระ-
ราชกุมาร เรื่องนี้อาคมภาพมิได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า
เลย แต่ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงทรงพยากรณ์
อย่างนี้ว่า ถ้าแม้บุคคลทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ โดยไม่แยบคาย
เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์
โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความ-
ไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบคาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล
ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่แยบ-
คาย เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล แต่ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหม-
จรรย์โดยแยบคาย เขาจะสามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้ว ประพฤติ-
พรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังเเละ
ความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย เขาก็จะสามารถบรรลุผล

ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์โดยแยบคาย
เขาก็จะสามารถบรรลุผล ดูก่อนพระราชกุมาร เรื่องนี้อาตมภาพมิได้สดับรับมา
เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าเลย แต่ข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงทรง
พยากรณ์อย่างนี้ นั่น เป็นฐานะที่มีได้แล พระราชกุมารชยเสนะรับสั่งว่า
ถ้าศาสดาของท่านภูมิชะมีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ บอกไว้อย่างนี้
ศาสดาของท่านภูมิชะ ชะรอยจะดำรงอยู่เหนือหัวของสมณพราหมณ์จำนวนมาก
ทั้งมวลโดยแท้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ถูกถามอย่างนี้แล้ว เมื่อ
พยากรณ์อย่างนี้ จะเป็นผู้กล่าวตามพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่กล่าว
พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่จริง พยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และวาทะ
อนุวาทะไร ๆ อันชอบด้วยเหตุ จะไม่ถึงฐานะน่าตำหนิบ้างหรือ.
[409] พ. ดูก่อนภูมิชะ เหมาะแล้ว เธอถูกถามอย่างนี้ เมื่อพยากรณ์
อย่างนี้ ย่อมเป็นผู้กล่าวตามถ้อยคำของเรา ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง พยากรณ์
ธรรมสมควรแก่ธรรม และวาทะอนุวาทะไ ร ๆ อันชอบด้วยเหตุ ย่อมไม่ถึง
ฐานะน่าตำหนิ ดูก่อนภูมิชะ ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ที่มี
ทิฐิผิด มีสังกัปปะผิด มีวาจาผิด มีกัมมันตะผิด มีอาชีวะผิด มีวายามะผิด
มีสติผิด มีสมาธิผิด ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่
สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่
สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่ห่วงแล้วประพฤติพรหม-
จรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่
แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่น เพราะเหตุไร
ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย.

ว่าด้วยอุปมาด้วยบุรุษต้องการน้ำมัน


[410] ดูก่อนภูมิชะ เปรียบเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน แสวงหาน้ำมัน
จึงเที่ยวเสาะหาน้ำมัน เกลี่ยทรายลงในรางแล้วคนไป เอาน้ำพรมไป ๆ ถ้าแม้
ทำความหวังแล้ว เกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไป ๆ เขาก็ไม่สามารถ
จะได้น้ำมัน ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วเกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรม
ไป ๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว
เกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำพรมไป ๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน
ถ้าทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วเกลี่ยทรายลงในราง คั้นไป เอาน้ำ
พรมไป ๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะ
เขาไม่สามารถจะได้น้ำมัน โดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูก่อนภูมิชะ ฉันนั้น
เหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีทิฐิผิด มีสังกัปปะผิด
มีวาจาผิด มีกัมมันตะผิด มีอาชีวะผิด มีวายามะผิด มีสติผิด มีสมาธิผิด
ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้
ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้
ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะ
บรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์
เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่
สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย.
[411] ดูก่อนภูมิชะ เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหา
นมสด จึงเที่ยวเสาะหานมสด แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน ถ้าแม้ทำความหวัง
แล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความ
ไม่หวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้