เมนู

สัมมาวาจาที่เป็นสาสวะ



[267] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาวาจาที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วน
แห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน ? คือ เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ 1
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด 1 งดเว้นจากการพูดคำหยาบ 1 งดเว้น
จากการเจรจาเพ้อเจ้อ 1
นี้คือ สัมมาวาจาที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วน
แห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์.

สัมมาวาจาที่เป็นอนาสวะ



[268] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาวาจาที่เป็นอริยะ เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความงด 1
ความเว้น 1 ความเว้นขาด 1 เจตนางดเว้น 1
จากวจีทุจริตทั้ง 4
ของภิกษุ ผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค
เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แลคือ สัมมาวาจาที่เป็นอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็น
โลกุตระ เป็นองค์มรรค.
ภิกษุย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาวาจา เพื่อบรรลุสัมมาวาจาอยู่ ความ
พยายามของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ.
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาวาจาได้ มีสติบรรลุสัมมาวาจาอยู่ สติของเธอ
นั้น เป็นสัมมาสติ.

ธรรมะที่ห้อมล้อมสัมมาวาจา



ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือสัมมาทิฏฐิ 1 สัมมาวายา-
มะ 1 สัมมาสติ 1
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาวาจาของภิกษุนั้น.
[269] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น สัมมาทิฏฐิ
ย่อมเป็นประธาน ก็สัมมาทิฏฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร ? คือ ภิกษุรู้จัก