เมนู

เบียนมี 4 ประการ. เพราะบุคคลใดแม้เป็นปุถุชน ย่อมไม่อาจเพื่อจะหยุดภพ
โดยอัตภาพนั้นได้ จำเดิมแต่การปฏิสนธิของบุคคลนั้น อกุศลธรรมทั้งหลาย
ย่อมเจริญ และกุศลธรรมทั้งหลายย่อมเสื่อมไป ชื่อว่าย่อมยังอัตภาพที่มีทุกข์
เท่านั้นให้เกิด. พระโสดาบัน พระสกทาคามีและพระอนาคามีก็เหมือนกัน.
ถามว่า ปุถุชนทั้งหลายเป็นต้น รวมพระโสดาบัน และพระสกทาคา-
มี ขอยกไว้ก่อน แต่พระอนาคามีย่อมยังอัตภาพที่มีทุกข์เบียดเบียนให้เกิดขึ้น
ได้อย่างไร.
ตอบว่า เพราะแม้พระอนาคามี บังเกิดในชั้นสุทธาวาส แลดูต้น
กัลปพฤกษ์ในวิมานอุทยาน (สวนสวรรค์) เปล่งอุทานว่า สุขหนอ สุขหนอ.
ความโลภในภพ ตัณหาในภพ ย่อมเป็นอันพระอนาคามี ยังละไม่ได้เลย
เพราะพระอนาคามีนั้นยงละตัณหาไม่ได้ ชื่อว่า อกุศลธรรมย่อมเจริญ กุศล-
ธรรมเสื่อมไป ย่อมยังอัตภาพที่มีทุกข์นั่นแลให้เกิดขึ้น พึงทราบว่า ยังเป็นผู้
มีภพไม่สิ้นสุดนั่นแหละ.

อัตภาพไม่มีทุกข์ของปุถุชน



บทว่า อพฺยาปชฺฌํ คือ ไม่มีทุกข์. แม้บุคคลนี้ ก็พึงทราบเนื่อง
ด้วยชน 4 จำพวก. อธิบายว่า บุคคลใดแม้เป็นปุถุชน ก็อาจทำภพให้สิ้นสุด
ลงด้วยอัตภาพนั้น ไม่ถือปฏิสนธิอีกต่อไป จำเดิมแต่บุคคลนั้นถือปฏิสนธิ
อกุศลธรรมเสื่อมไป กุศลธรรมเท่านั้นเจริญ เขาย่อมยังอัตภาพอันไม่มีทุกข์
นั่นแหละ ให้เกิดขึ้น เป็นผู้ชื่อว่ามีภพสิ้นสุดแล้วทีเดียว. พระโสดาบัน
พระสกทาคามี และพระอนาคามีก็เหมือนกัน.
ถามว่า พระโสดาบันเป็นต้น พักไว้ก่อน (ไม่ต้องพูดถึง) ปุถุชน
ย่อมยังอัตภาพอันไม่มีทุกข์ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? และเขามีการเสื่อมจาก
อกุศลธรรมเป็นต้น ได้อย่างไร ?

ตอบว่า แม้ปุถุชนผู้เกิดในภพสุดท้าย ก็ย่อมสามารถทำภพให้สิ้นสุด
ลงด้วยอัตภาพนั้นได้ อัตภาพของปุถุชนผู้เกิดในภพสุดท้ายนั้น แม้จะฆ่าสัตว์
ถึง 999 ชีวิต เหมือนองคุลิมาล ก็ชื่อว่าไม่มีทุกข์ ชื่อว่าย่อมทำภพให้สิ้นสุด
ลง ชื่อว่าย่อมยังอกุศลนั่น แลให้เสื่อมไป ย่อมยังวิปัสสนานั่น แลให้ถือเอาห้อง
วิปัสสนาได้.

ราคะเกิดแก่บางคน



พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า จกฺขุวิญฺเญยฺยํ เป็นต้น ดังต่อไปนี้:-
เพราะเหตุที่ราคะเป็นต้น ในรูปนั่นแหละ ย่อมเกิดสำหรับบุคคลบางคน บุคคล
บางคนจึงเพลิดเพลินชอบใจ เมื่อเพลิดเพลินชอบใจย่อมถึงความเสื่อมและ
ความพินาศ. ย่อมไม่เกิดสำหรับบุคคลบางคน บุคคลบางคนจึงเบื่อหน่าย
คลายกำหนัด ย่อมถึงความดับ เพราะฉะนั้นจึงไม่ตรัสว่า ตญฺจ อญฺญมญฺญํ
ในบททั้งปวงมีนัยนี้นั่นแล.

ทุกข์ไม่มีแก่ท่านผู้ไม่มีปฏิสนธิ



ในบทว่า เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺยุํ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ถามว่า คนเหล่าไหน ย่อมรู้เนื้อความภาษิตนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
ตอบว่า เบื้องต้น ชนเหล่าใดร่ำเรียนบาลี และอรรถกถาของพระ
สูตรนี้ แต่ไม่ทำตามที่ร่ำเรียนมานั้น ไม่ปฏิบัติอนุโลมปฏิปทา ตามที่กล่าว
แล้ว ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมไม่รู้. ส่วนชนเหล่าใดเป็นผู้กระทำตามที่เล่าเรียน
มานั้น ปฏิบัติอนุโลมปฏิปทาตามที่กล่าวแล้ว ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้.
ถามว่า แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น การรู้เนื้อความแห่งพระพุทธพจน์นั้น
จะมีประโยชน์เกื้อกูลและความสุขตลอดกาลนาน สำหรับเหล่าสัตว์ผู้มีปฏิสนธิ