เมนู

กายสมาจารที่เป็นเหตุให้กุศลเจริญ



[202] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลเสพ กายสมาจาร แบบ
ไหน อกุศลธรรมทั้งหลายจะเสื่อมลง แต่กุศลธรรมทั้งหลายกลับเจริญขึ้น.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางตนในโลกนี้ เลิกละปาณาติบาตเว้น
ขาดจากปาณาติบาตแล้ว คือ เป็นผู้วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอาย มี
ความเอ็นดู เป็นผู้อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์ เกื้อกูลในสรรพสัตว์อยู่ อนึ่ง
เลิกละอทินนาทานแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากอทินนาทาน คือไม่ถือเอาทรัพย์
ของผู้อื่นที่เป็นเครื่องก่อให้เกิดความปลื้มใจแก่ผู้อื่น ที่อยู่ในบ้าน หรือในป่า
ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ได้แก่ความเป็นขโมย เลิกละกาเมสุมิจฉาจารแล้ว เป็น
ผู้เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร ไม่ละเมิดจารีตในหญิงที่มารดารักษาบ้าง
ที่บิดารักษาบ้าง ที่ทั้งมารดาบิดารักษาบ้าง ที่พี่ชายรักษาบ้าง ที่พี่สาวรักษา
บ้าง ที่ญาติรักษาบ้าง ที่พี่สามีบ้าง ที่มีสินไหมติดตัวบ้าง โดยที่สุดแม้ที่ชาย
คล้องพวงมาลัยหมั้นไว้บ้าง. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลเสพกายสมาจาร
แบบนี้ อกุศลธรรมทั้งหลายจะเสื่อมไป แต่กุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้น
ข้อที่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรา
ตถาคตกล่าว กายสมาจาร ไว้ 2 อย่างคือ ที่ควรเสพอย่าง 1 ที่ไม่ควรเสพ
อย่าง 1 และทั้งสองอย่างนั้น ต่างก็เป็น กายสมาจาร ด้วยกัน พระองค์
ทรงอาศัยอะไร จึงได้ตรัสไว้

เรื่องที่ควรเสพและไม่ควรเสพ ข้อที่ 2



[203] ก็แล ข้อที่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้อย่างนี้ว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตกล่าว วจีสมาจาร ไว้ 2 อย่าง คือ ที่ควรเสพ
อย่าง 1 ไม่ควรเสพอย่าง 1 และทั้งสองอย่างนั้น แต่ละอย่างก็เป็นวจีสมาจาร
ด้วยกัน พระองค์ทรงอาศัยอะไร จึงได้ตรัสไว้.