เมนู

อรรถกถาจูฬปุณณมสูตร



จูฬปุณณมสูตร

มีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้.
พึงทราบวินิจฉัยในจูฬปุณณมสูตรนั้น ดังต่อไปนี้. บทว่า ตุณฺหีภูตํ
ได้แก่ เป็นผู้นิ่งเงียบ คือ นิ่งเงียบ ในทิศที่ทรงเหลียวดูไป. บทว่า อนุ-
วิโลเกตฺวา ความว่าทรงลืมพระเนตรอันประดับด้วยประสาทรูปทั้ง 5 แล้ว
ทรงเหลียวดุทั่วทิศ ทรงเห็นความไม่มี แม้โดยชั้นที่สุด การคะนองมือและ
การคะนองเท้า. บทว่า อสปฺปุริโส ได้แก่ บุรุษชั่ว. บทว่า โน เหตํ
ภนฺเต
ความว่า เหตุที่อสัตบุรุษนั้นย่อมไม่อาจรู้อสัตบุรุษนั้น เหมือนคน
ตาบอดไม่รู้คนตาบอด เพราะฉะนั้น ภิกษุเหล่านั้น จึงกล่าวอย่างนั้น พึง
ทราบเนื้อความในฐานะทั้ง 3 แม้เบื้องหน้าจากนี้ไป โดยนัยนี้นั่นแล. บทว่า
อสทฺธมฺมสมนฺนาคโต ได้แก่ คบหากับอสัตบุรุษ บทว่า อสปฺปุริสภตฺตี
ได้แก่ คบหากับอสัตบุรุษ. บทว่า อสปฺปุริสจินฺตี ได้แก่ คิดแล้วด้วยการ
คิดอย่างอสัตบุรุษ. บทว่า อสปฺปุริสมนฺตี ได้แก่ รู้อย่างอสัตบุรุษ. บทว่า
อสปฺปุริสวาโจ ได้แก่ พูดอย่างอสัตบุรุษ. บทว่า อสปฺปุริสกมฺมนโต
ได้แก่ ทำการงานอย่างอสัตบุรุษ บทว่า อสปฺปุริสทิฏฺฐี ได้แก่ประกอบ
ด้วยทิฏฐิของอสัตบุรุษ. บทว่า อสปฺปุริสทานํ ได้แก่ทานที่ พวกอสัตบุรุษ
พึงให้. บทว่า ตฺยสฺส มิตฺตา ได้แก่ สมณพราหมณ์เหล่านั้น เป็นมิตร
ของอสัตบุรุษนั้น. บทว่า อตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ ความว่า ย่อมคิดเพื่อ
ต้องการความทุกข์แก่ตนอย่างนี้ว่า เราจักฆ่าสัตว์ เราจักถือเอาของที่เขาไม่ให้
เราจักประพฤติมิจฉาจาร เราจักสมาทานอกุศลกรรมบถ 10 แล้วประพฤติ.

บทว่า ปรพฺยาพาธาย เจเตติ ความว่า ย่อมคิดเพื่อต้องการความทุกข์แก่
ผู้อื่นอย่างนี้ว่า เราจักบังคับมันโดยประการที่คนโน้นฆ่าสัตว์ตัวโน้น ลักเอา
ของๆ คนโน้นที่เขาไม่ได้ให้ สมาทานอกุศลกรรมบถ 10 ประพฤติ. บทว่า
อุภยพฺยาพาธาย ความว่า ย่อมคิดเพื่อต้องการความทุกข์แก่ทั้งสองฝ่ายอย่าง
นี้ว่า เราจักพาคนโน้นและคนโน้นไปสมาทานอกุศลกรรมบถ 10 ประพฤติ.
ในบทว่า อตฺตพฺยาพาธายปิ มนฺเตติ ดังนี้เป็นต้น ความว่า เมื่อรู้ว่า
เราจักสมาทานอกุศลกรรมบถ 10 ประพฤติ ชื่อว่า ย่อมรู้เพื่อเบียดเบียนตน
เมื่อรู้ว่า เราจัก (ชักชวน) คนโน้นสมาทานอกุศลกรรมบถ ประพฤติ ดังนี้
ชื่อว่า ย่อมรู้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อรู้ว่าเรากับคนอื่นแม้ทั้งสอง ร่วมกัน
สมาทานอกุศลกรรมบถ 10 ประพฤติ ดังนี้ ชื่อว่า ย่อมรู้เพื่อเบียดเบียนตน
และคนอื่นทั้งสองฝ่าย.
บทว่า อสกฺกจฺจํ ทานํ เทติ ความว่า ย่อมไม่ทำความเคารพทั้ง
ไทยธรรมทั้งบุคคล. ให้อาหารที่ประกอบด้วยข้าวสารที่เสียๆ ไม่กระทำให้
สมบูรณ์ (คือทำไม่สะอาด) ชื่อว่า ไม่ทำความเคารพไทยธรรม. ไม่ปัดกวาด
ที่สำหรับนั่ง ให้นั่งไม่เลือกที่ วางตั้งตามมีตามเกิดให้ทาน ชื่อว่าไม่ทำความ
เคารพบุคคล. บทว่า สหตฺถา ได้แก่ ไม่ให้ด้วยมือของตน ใช้ทาสและ
กรรมกรเป็นต้นให้. บทว่า อจิตฺตึ กตฺวา ความว่า ไม่ทำความยำเกรงทั้งใน
ไทยธรรมทั้งในบุคคล ให้ทานโดยนัยดังกล่าวข้างต้น. บทว่า อปฺปวิฏฺฐํ
ความว่า เป็นผู้ต้องการทิ้งให้เหมือนยัดเหี้ยเข้าจอมปลวก. บทว่า อนาคมน-
ทิฏฺฐิโก
ได้แก่ เป็นผู้ไม่หวังผลให้. บทว่า ตตฺถ อุปฺปชฺชติ ความว่า
ให้ทานแล้วย่อมไม่เกิดในนรก. ก็ความเห็นผิดอันใด ที่อสัตบุรุษนั้นถือเอา
เพราะความเป็นผู้มีลัทธิชั่ว ย่อมเกิดในนรกด้วยความเห็นผิดอันนั้น พึงทราบ

ธรรมฝ่ายขาวโดยปฏิปักขนัย (นัยฝ่ายตรงกันข้าม) ดังกล่าวแล้ว. บทว่า
เทวมหตฺตตา ได้แก่ เทวดาชั้นกามาวจร 6. บทว่า มนุสฺสมหตฺตตา
ได้แก่ สมบัติแห่งตระกูลทั้ง 3 (กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี) คำที่เหลือใน
ที่ทุกแห่งง่ายทั้งนั้น. ก็พระสูตรนี้ตรัสเนื่องด้วยวัฏฏะล้วนๆ แล.
จบ อรรถกถาจูฬปุณณมสูตรที่ 10

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. เทวทหสูตร 2. ปัญจัตตยสูตร 3. กินติสูตร 4. สามคาม-
สูตร 5. สุนักขัตตสูตร 6. อาเนญชสัปปายสูตร 7.คณกโมคคัลลานสูตร
8 โคปกโมคคัลลานสูตร 9. มหาปุณณมสูตร 10. จูฬปุณณมสูตร