เมนู

ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า ดูก่อนมหาบพิตร อย่าเลย เชิญ
มหาบพิตรนั่งเถิด อาตมภาพนั่งที่อาสนะของอาตมภาพดีแล้ว. พระเจ้าโกรัพยะ
ประทับนั่งบนอาสนะที่พนักงานจัดถวาย.
[441] ครั้น พระเจ้าโกรัพยะประทับนั่งแล้ว ได้ตรัสกะท่านพระรัฐ-
ปาละว่า ท่านรัฐปาละผู้เจริญ ความเสื่อมสี่ประการนี้ ที่คนบางพวกในโลกนี้
ถึงเข้าแล้ว ย่อมปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิต ความเสื่อม 4 ประการนั้นเป็นไฉน คือความเสื่อมเพราะชรา 1
ความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้ 1 ความเสื่อมจากโภคสมบัติ 1 ความเสื่อมจาก
ญาติ 1.

ว่าด้วยความเสื่อมเพราะชราเป็นต้น



[442] ท่านรัฐปาละ ความเสื่อมเพราะชราเป็นไฉน ท่านรัฐปาละ
คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนแก่แล้ว เป็นคนเฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่าน
วัยมาโดยลำดับ. เขาคิดเห็นดังนี้ว่า เดี๋ยวนี้เราเป็นคนแก่แล้ว เป็นคนเฒ่าแล้ว
เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ ก็การที่เราจะได้โภคสมบัติที่ยังไม่ได้
หรือการที่เราจะทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้เจริญ ไม่ใช่ทำได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย
เราพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด.
เขาประกอบด้วยความเสื่อมเพราะชรานั้น จึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า
กาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ดูก่อนท่านรัฐปาละ นี้เรียกว่า
ความเสื่อมเพราะชรา. ส่วนท่านรัฐปาละผู้เจริญ เดี๋ยวนี้ก็ยังหนุ่มแน่น มีผมดำ
สนิท ประกอบด้วยความเป็นหนุ่มกำลังเจริญเป็นวัยแรก ไม่มีความเสื่อมเพราะ
ชรานั้นเลย. ท่านพระรัฐปาละรู้เห็น หรือได้ฟังอะไร จึงออกจากเรือนบวช
เป็นบรรพชิตเสียเล่า.

[443] ท่านรัฐปาละ ก็ความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้เป็นไฉน. ท่าน
รัฐปาละ คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนมีอาพาธ มีทุกข์ เป็นไข้หนัก. เขาคิด
เห็นดังนี้ว่า เดี๋ยวนี้เราเป็นคนมีอาพาธ มีทุกข์ เป็นไข้หนัก ก็การที่เราจะได้
โภคสมบัติที่ยังไม่ได้ หรือการที่เราจะทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้เจริญ ไม่ใช่ทำ
ได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย เราพึงปลงผมและหนวด นุ่มห่มผ้ากาสายะ ออกจาก
เรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด. เขาประกอบด้วยความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้นั้น
จึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต นี้
เรียกว่าความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้. ส่วนท่านรัฐปาละ เดี๋ยวนี้เป็นผู้ไม่อาพาธ
ไม่มีทุกข์ ประกอบด้วยไฟธาตุที่ย่อยอาหารสม่ำเสมอดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก
ไม่มีความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้นั้นเลย. ท่านรัฐปาละรู้เห็นหรือได้ฟังอะไร
จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเสียเล่า.
[444] ท่านรัฐปาละ ก็ความเสื่อมจากโภคสมบัติเป็นไฉน. ท่าน
รัฐปาละ คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก โภค
สมบัติเหล่านั้นของเขาถึงความสิ้นไปโดยลำดับ. เขาคิดเห็นดังนี้ว่า เมื่อก่อน
เราเป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก โภคสมบัติเหล่านั้นของเราถึงความ
สิ้นไปโดยลำดับแล้ว ก็การที่เราจะได้โภคสมบัติที่ยังไม่ได้ หรือการที่เราจะ
ทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้เจริญ ไม่ใช่ทำได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย เราพึงปลงผม
และหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด ดังนี้. เขา
ประกอบด้วยความเสื่อมจากโภคสมบัตินั้น จึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า
กาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ท่านรัฐปาละผู้เจริญ นี้เรียกว่าความ
เสื่อมจากโภคสมบัติ. ส่วนท่านรัฐปาละเป็นบุตรของตระกูลเลิศในถุลลโกฏฐิต
นิคมนี้ ไม่มีความเสื่อมจากโภคสมบัตินั้น. ท่านรัฐปาละรู้เห็นหรือได้ฟังอะไร
จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเสียเล่า.

[445] ท่านรัฐปาละ ก็ความเสื่อมจากญาติเป็นไฉน. ท่านรัฐปาละ
คนบางคนในโลกนี้ มีมิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิตเป็นอันมาก ญาติเหล่านั้น
ของเขาถึงความสิ้นไปโดยลำดับ . เขาคิดเห็นดังนี้ว่า เมื่อก่อนเรามีมิตร อำมาตย์
ญาติสาโลหิตเป็นอันมาก [เดี๋ยวนี้] ญาติของเรานั้นถึงความสิ้นไปโดยลำดับ
ก็การที่เราจะได้โภคสมบัติที่ยังไม่ได้ หรือการที่เราจะทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้
เจริญ ไม่ใช่ทำได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย เราพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า
กาสายะอออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด ดังนี้ . เขาประกอบด้วยความ
เสื่อมจากญาตินั้นจึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิต ท่านรัฐปาละ นี้เรียกว่าความเสื่อมจากญาติ. ส่วนท่านรัฐปาละ
มีมิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิตในถุลลโกฏฐิตนิคมนี้เป็นอันมาก ไม่ได้มีความ
เสื่อมจากญาติเลย. ท่านรัฐปาละ รู้เห็นหรือได้ฟังอะไร จึงออกจากเรือนบวช
เป็นบรรพชิตเสียเล่า. ท่านรัฐปาละ ความเลื่อม 4 ประการนี้ ที่คนบางพวก
ในโลกนี้ถึงเข้าแล้ว จึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ท่านรัฐปาละไม่ได้มีความเสื่อมเหล่านั้นเลย. ท่านรัฐปาละ
รู้เห็นหรือได้ฟังอะไร จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเสียเล่า.

ธัมมุทเทส 4



[446] ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า มีอยู่แล มหาบพิตร พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัม-
พุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมุทเทส 4 ข้อ ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึง
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต. ธัมมุทเทส 4 ข้อเป็นไฉน คือ
1. ดูก่อนมหาบพิตร ธัมมุทเทสข้อที่หนึ่งว่า โลกอันชราน่าเข้าไป
ไม่ยั่งยืน ดังนี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น