เมนู

[437] ขณะนั้น ท่านพระรัฐปาละอาศัยฝาเรือนแห่งหนึ่งฉันขนม
กุมมาสบูดนั้นอยู่. บิดาเข้าไปหาท่านพระรัฐปาละถึงที่ใกล้ แล้วได้ถามว่า
มีอยู่หรือพ่อรัฐปาละ ที่พ่อจักกินขนมกุมมาสบูด พ่อควรไปเรือนของตัวมิใช่
หรือ.
ท่านพระรัฐปาละตอบว่า ดูก่อนคฤหบดี เรือนของอาตมภาพผู้ออก
จากเรือนบวชเป็นบรรพชิตจะมีที่ไหน อาตมภาพไม่มีเรือน อาตมภาพได้ไป
ถึงเรือนของท่านแล้ว แต่ที่เรือนของท่านนั้น อาตมภาพไม่ได้การให้ ไม่ได้
คำตอบเลย ได้เพียงคำด่าอย่างเดียวเท่านั้น.
มาไปเรือนกันเกิด พ่อรัฐปาละ.
อย่าเลยคฤหบดี วันนี้อาตมภาพทำภัตกิจเสร็จแล้ว.
พ่อรัฐปาละ ถ้าอย่างนั้น ขอท่านจงรับภัตตาหารเพื่อฉันในวันพรุ่งนี้.
ท่านพระรัฐปาละรับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพแล้ว.

เข้าไปนิเวศน์บิดา



[438] ลำดับนั้น บิดาของท่านพระรัฐปาละทราบว่า ท่านพระ
รัฐปาละรับนิมนต์แล้ว เข้าไปยังนิเวศน์ของตน แล้วสั่งให้ฉาบไล้ที่แผ่นดิน
ด้วยโคมัยสดแล้วให้ขนเงินและทองมากองเป็นกองใหญ่ แบ่งเป็นสองกอง คือ
เงินกองหนึ่ง ทองกองหนึ่ง เป็นกองใหญ่อย่างที่บุรุษผู้ยืนข้างนี้ไม่เห็นบุรุษที่
ยืนข้างโน้น บุรุษที่ยืนข้างโน้นไม่เห็นบุรุษผู้ยืนข้างนี้ ฉะนั้น ให้ปิดกองเงิน
ทองนั้นด้วยเสื่อลำแพนให้ปูลาดอาสนะไว้ท่ามกลาง แล้วแวดวงด้วยม่าน แล้ว
เรียกหญิงทั้งหลายที่เป็นภรรยาเก่าของท่านพระรัฐปาละมาว่า ดูก่อนแม่สาว ๆ
ทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายประดับด้วยเครื่องประดับชุดใดมา จึงเป็นที่รักที่
ชอบใจของรัฐปาละบุตรของเราแต่ก่อน จงประดับด้วยเครื่องประดับชุดนั้น.

ครั้นล่วงราตรีนั้นไป บิดาของท่านพระรัฐปาละ ได้สั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของ
ฉันอย่างประณีต แล้วใช้คนไปเรียนเวลาแก่ท่านพระรัฐปาละว่า ถึงเวลาแล้ว
พ่อรัฐปาละ ภัตตาหารสำเร็จแล้ว. ครั้งนั้น เวลาเช้าท่านพระรัฐปาละ นุ่งแล้ว
ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์แห่งบิดาท่าน แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาแต่งตั้ง
ไว้. บิดาขอท่านพระรัฐปาละสั่งให้เปิดกองเงินและทองนั้น แล้วได้กล่าวกะ
ท่านพระรัฐปาละว่า พ่อรัฐปาละ ทรัพย์กองนี้เป็นส่วนของมารดา กองอื่น
เป็นส่วนของบิดา ส่วนของปู่อีกกองหนึ่ง เป็นของพ่อผู้เดียว พ่ออาจจะใช้สอย
สมบัติและทำบุญได้ พ่อจงลาสิกขาสึกเป็นคฤหัสถ์มาใช้สอยสมบัติและทำบุญ
ไปเถิด.
ท่านพระรัฐปาละตอบว่า ดูก่อนคฤหบดี ถ้าท่านพึงทำตามคำของ
อาตมภาพได้ ท่านพึงให้เขาขนกองเงินกองทองนี้บรรทุกเกวียนให้เข็นไปจม
เสียที่กลางกระแสแม่น้ำคงคา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความโศก ความร่ำไร
ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส มีทรัพย์นั้นเป็นเหตุ จักเกิดขึ้นแก่ท่าน.
ลำดับนั้น ภรรยาเก่าของท่านพระรัฐปาละ ต่างจับที่เท้าแล้วถามว่า
พ่อผู้ลูกเจ้า นางฟ้าทั้งหลายผู้เป็นเหตุให้ท่านประพฤติพรหมจรรย์นั้นเป็น
เช่นไร.
ท่านพระรัฐปาละตอบว่า ดูก่อนน้องหญิง เราทั้งหลายประพฤติ
พรหมจรรย์เพราะเหตุนางฟ้าทั้งหลายหามิได้.
หญิงเหล่านั้นเสียใจว่า รัฐปาละผู้ลูกเจ้าเรียกเราทั้งหลายด้วยวาทะว่า
น้องหญิง ดังนี้ สลบล้มอยู่ ณ ที่นั้น. ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละได้กล่าวกะ
บิดาว่า ดูก่อนคฤหบดี ถ้าจะพึงให้โภชนะก็จงให้เถิด อย่าให้อาตมภาพลำบาก
เลย.
บริโภคเถิด พ่อรัฐปาละ ภัตตาหารสำเร็จแล้ว.

ลำดับนั้นบิดาท่านพระรัฐปาละ ได้อังคาสท่านพระรัฐปาละด้วยของ
เคี้ยวของฉันอย่างประณีต ให้อิ่มหนำด้วยมือของตนเสร็จแล้ว.
[439] ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละฉันเสร็จชักมือออกจากบาตรแล้ว
ได้ยืนขึ้นกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
จงมาดูอัตภาพอันวิจิตร มีกายเป็น
แผล อันคุมกันอยู่แล้ว กระสับกระส่าย
เป็นที่ดำริของชนเป็นอันมาก ไม่มีความยั่ง
ยืนมั่นคง จงมาดูรูปอันวิจิตรด้วยแก้วมณี
และกุณฑล มีกระดูกอันหนังหุ้มห่อไว้
งามพร้อมด้วยผ้า [ของหญิง] เท้าที่ย่อม
ด้วยสีแดงสด หน้าที่ไล้ทาด้วยจุรณ พอ
จะหลอกคนโง่ให้หลงได้ แต่จะหลอกคน
ผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้ ผมที่
แต่งให้เป็นแปดลอนงามตา ที่เยิ้มด้วย
ยาหยอด พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้
แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่ง คือ พระ-
นิพพานไม่ได้ กายเน่า อันประดับด้วย
เครื่องอลังการ ประดุจทนานยาหยอดอัน
ใหม่วิจิตร พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้
แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือ พระนิพ-
พานไม่ได้ ท่านเป็นดังพรานเนื้อวางบ่วง
ไว้ แต่เนื้อไม่ติดบ่วง เมื่อพรานเนื้อกำลัง
คร่ำครวญอยู่ เรากินแต่อาหารแล้วก็ไป.

ครั้นท่านพระรัฐปาละยืนกล่าวคาถาเหล่านี้แล้ว จึงเข้าไปยังพระราช
อุทยานมิคาจีระของพระเจ้าโกรัพยะ แล้วนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.

พระเจ้าโกรัพยะเสด็จเข้าไปหาพระรัฐปาละ



[440] ครั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะ ตรัสเรียกพนักงานรักษาพระราช
อุทยานมาว่า ดูก่อนมิควะ ท่านจงชำระพื้นสวนมิคาจีระให้หมดจดสะอาด
เราจะไปดูพื้นสวนอันดี. นายมิควะทูลรับพระเจ้าโกรัพยะว่า อย่างนั้น ขอเดชะ
แล้วชำระพระราชาอุทยานมิคาจีระอยู่ ได้เห็นท่านพระรัฐปาละซึ่งนั่งพักกลางวัน
อยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าโกรัพยะ แล้วได้กราบทูลว่า ขอเดชะ
พระราชอุทยานมิคาจีระของพระองค์หมดจดแล้ว และในพระราชอุทยานนี้มี
กุลบุตรชื่อรัฐปาละ ผู้เป็นบุตรแห่งตระกูลเลิศในถุลลโกฏฐิตนิคมนี้ ที่พระองค์
ทรงสรรเสริญอยู่เสมอ ๆ นั้น เธอนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.
พระเจ้าโกรัพยะตรัสว่า ดูก่อนเพื่อนมิควะ ถ้าเช่นนั้น ควรจะไปยัง
พื้นสวนเดี๋ยวนี้ เราทั้งสองจักเข้าไปหารัฐปาละผู้เจริญนั้นในบัดนี้.
ครั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะรับสั่งว่า ของควรเคี้ยวควรบริโภคสิ่งใดอันจะ
ตกแต่งไปในสวนนั้น ท่านทั้งหลายจงแจกจ่ายของสิ่งนั้นทั้งสิ้นเสียเถิด ดังนี้
แล้ว รับสั่งให้เทียมพระราชยานชั้นดี เสด็จออกจากถุลลโกฏฐิตนิคมด้วยพระ
ราชยานที่ดี ๆ ด้วยราชานุภาพอันยิ่งใหญ่ เพื่อจะพบท่านพระรัฐปาละ
ท้าวเธอเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนยานพระที่นั่งไปจนสุดทาง เสด็จลง
ทรงพระดำเนินด้วยบริษัทชนสูงๆ เข้าไปหาท่านพระรัฐปาละ แล้วทรงปราศรัย
กับท่านพระรัฐปาละ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้ประทับ
ยืนอยู่ ณ ที่อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วรับสั่งว่า เชิญท่านรัฐปาละผู้เจริญนั่ง
บนเครื่องลาดนี้เถิด.