เมนู

นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มารดาบิดา
อนุญาตให้ข้าพระพุทธเจ้าออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตแล้ว ขอพระผู้มี
พระภาคเจ้าให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชเถิด. รัฐปาลกุลบุตรได้บรรพชา ได้อุปสมบท
ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นเมื่อท่านรัฐปาละอุปสมบทแล้วไม่นาน พอได้
กึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในถุลลโกฏฐิตนิคมตามควรแล้ว เสด็จ
จาริกไปทางนครสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดยลำดับ ได้เสด็จถึงนครสาวัตถีแล้ว.

รัฐปาละสำเร็จพระอรหัต



[433] ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ท่าน
รัฐปาละหลีกออกไปอยู่แต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไป
แล้ว ไม่ช้านานเท่าไร ก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดพรหมจรรย์ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
ที่กุลบุตรทั้งหลายผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการ ด้วย
ปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์
อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
ท่านพระรัฐปาละได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.
[434] ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ปรารถนาจะไปเยี่ยมมารดาบิดา ถ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงอนุญาตกะข้าพระองค์. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมนสิการกำหนด
ใจของท่านพระรัฐปาละด้วยพระหฤทัยแล้ว ทรงทราบชัดว่า รัฐปาลกุลบุตร
ไม่สามารถที่จะบอกลาสิกขาสึกออกไปแล้ว. ลำดับนั้น จึงตรัสว่า ดูก่อน
รัฐปาละ ท่านจงสำคัญกาลอันควร ณ บัดนี้เถิด. ท่านพระรัฐปาละลุกจาก

อาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้ว เก็บเสนาสนะถือ
บาตรและจีวรหลีกจาริกไปทางถุลลโกฏฐิตนิคม จาริกไปโดยลำดับ บรรลุถึง
ถุลลโกฏฐิตนิคมแล้ว.
[435] ได้ยินว่า ท่านพระรัฐปาละพักอยู่ ณ พระราชอุทยาน ชื่อ
มิคาจีระของพระเจ้าโกรัพยะในถุลลโกฏฐิตนิคมนั้น. ครั้งนั้นเวลาเช้า ท่าน
พระรัฐปาละนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังถุลลโกฏฐิตนิคม.
เมื่อเที่ยวบิณฑบาตในถุลลโกฏฐิตนิคมตามลำดับตรอก ได้เข้าไปยังนิเวศน์ของ
บิดาท่าน. สมัยนั้น บิดาของท่านพระรัฐปาละ กำลังให้ช่างกัลบกสางผมอยู่ที่
ซุ้มประตูกลาง ได้เห็นท่านพระรัฐปาละกำลังมาแต่ไกล แล้วได้กล่าวว่า
พวกสมณะศีรษะโล้นเหล่านี้ บวชบุตรคนเดียวผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา.
ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละไม่ได้การให้ ไม่ได้คำตอบที่บ้านบิดาของท่าน ที่แท้
ได้แต่คำด่าเท่านั้น.

บอกเรื่องพระรัฐปาละ



[436] สมัยนั้น ทาสีแห่งญาติของท่านพระรัฐปาละปรารถนาจะเอา
ขนมกุมมาสที่บูดไปทิ้ง. ท่านพระรัฐปาละได้กล่าวกะทาสีของญาตินั้นว่า ดูก่อน
น้องหญิง ถ้าสิ่งนั้นจำต้องทิ้ง จงใส่ในบาตรของฉันนี้เถิด. ทาสีของญาติเมื่อ
เทขนมกุมมาสที่บูดนั้นลงในบาตรของท่านพระรัฐปาละ จำนิมิตแห่งมือเท้าและ
เสียงได้ แล้วได้เข้าไปหามารดาของท่านรัฐปาละ แล้วได้กล่าวว่า เดชะคุณ
แม่เจ้า แม่เจ้าพึงทราบว่า รัฐปาละลูกเจ้ามาแล้ว.
มารดาท่านพระรัฐปาละกล่าวว่า แม่คนใช้ ถ้าเจ้ากล่าวจริง ฉันจะ
ทำเจ้าไม่ให้เป็นทาสี.
ลำดับนั้น มารดาของท่านพระรัฐปาละเข้าไปหาบิดาถึงที่อยู่แล้วได้
กล่าวว่า เดชะท่านคฤหบดี ท่านพึงทราบว่า ได้ยินว่ารัฐปาลกุลบุตรมาถึงแล้ว.