เมนู

อรรถกถาธรรมเจติยสูตร



ธรรมเจติยสูตรมีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
ในพระสูตรนั้น คำว่า เมทลุปํ เป็นชื่อของนิคมนั้น. ก็ได้ยินว่า
นิคมนั้น มีแผ่นหินมีสีดุจมันข้น(1) เกิดขึ้นหนาแน่นในที่นั้น ๆ เพราะฉะนั้น
จึงถึงการนับว่า เมทลุปะ. อนึ่ง เสนาสนะ ในนิคมนั้น ก็ไม่แน่นอน ฉะนั้น
จึงมิได้กล่าวไว้. บทว่า นครกํ ได้แก่นิคมหนึ่งของเจ้าศากยะมีชื่ออย่างนั้น.
คำว่า ด้วยพระราชกรณียะบางอย่าง คือ มิใช่ด้วยกรณียะอย่างอื่น แต่
พระเจ้าปเสนทิโกศลนี้ ตรัสสั่งว่าพวกเจ้าจงจับพันธุละเสนาบดี พร้อมด้วย
บุตร 32 คน ให้ได้โดยวันเดียว. ก็ในวันนั้น นางมัลลิกาภริยาของ
พันธุละเสนาบดีนั้น ทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป.
พอภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เสด็จถึงเรือนประทับนั่งแล้ว
เจ้าหน้าที่ก็นำข่าวว่า ท่านเสนาบดีถึงอสัญกรรมแล้ว มาให้นางมัลลิกา.
นางรับหนังสือ ถามว่า เป็นข่าวดี (หรือร้าย). ก็เรียนว่า พระราชาทรงให้
จับเสนาบดีพร้อมด้วยบุตร 32 คน ประหารชีวิตพร้อมกัน แม่เจ้า. นาง
กล่าวว่า พวกเจ้าอย่าได้กระทำให้แพร่งพรายแก่มหาชน แล้วเอาหนังสือใส่
ห่อพกไว้ อังคาสพระภิกษุสงฆ์. ในตอนนั้น เจ้าหน้าที่ยกหม้อสัปปิมาหม้อ
หนึ่ง (เผอิญ) หม้อสัปปินั้นกระทบธรณีประตูแตก จึงสั่งให้ไปนำหม้อ
อื่นมาอังคาสพระภิกษุสงฆ์.
พระศาสดาทรงกระทำภัตกิจเสร็จแล้ว จึงตรัสว่า นางไม่ควรคิด
เพราะเหตุหม้อสัปปิแตก เพื่อเป็นเหตุให้ตั้งกถาขึ้น. ขณะนั้น นางมัลลิกา

1. ศิลามีสีอันแดงงามดุจหงอนไก่เทศ (ลิปิ)