เมนู

ผู้ทรงประกอบด้วยพระกรุณา ทรงแสวง-
หาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นศาสดาของโลกกับ
ทั้งเทวโลก ได้ตรัสกะองคุลิมาลโจรใน
เวลานั้นว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด อันนี้
แหละเป็นภิกษุภาวะขององคุลิมาลโจรนั้น
ดังนี้.

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระองคุลิมาลเป็นปัจฉาสมณะ เสด็จ
จาริกไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดยลำดับ เสด็จถึงพระนครสาวัตถี
แล้ว.

เสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า



[526] ได้ยินว่า ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ้ก็สมัยนั้น
หมู่มหาชนประชุมกันอยู่ที่ประทูพระราชวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ส่งเสียง
อื้ออึงว่า ข้าแต่สมมติเทพ ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อว่าองคุลิมาล
เป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจในการฆ่าดี ไม่มีความกรุณาใน
สัตว์ทั้งหลาย องคุลิมาลโจรนั้น กระทำบ้านไม่ให้เป็นบ้านบ้าง กระทำนิคม
ไม่ให้เป็นนิคมบ้าง กระทำชนบทไม่ให้เป็นชนบทบ้าง เขาเข่นฆ่าพวกมนุษย์
แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงทรงไว้ ขอพระองค์จงกำจัดมันเสียเถิด.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากพระนครสาวัตถี ด้วย
กระบวนม้าประมาณ 500 เสด็จเข้าไปทางพระอารามแต่ยังวันทีเดียว เสด็จไป
ด้วยพระยานจนสุดภูมิประเทศที่ยานจะไปได้ เสด็จลงจากพระยานแล้ว ทรง

พระดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[527] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ประทับ
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วว่า ดูก่อนมหาบพิตร พระเจ้าแผ่นดินมคธ
จอมเสนา ทรงพระนามว่า พิมพิสาร ทรงทำให้พระองค์ทรงขัดเคืองหรือหนอ
หรือเจ้าลิจฉวี เมืองเวสาลี หรือว่าพระราชาผู้เป็นปฏิปักษ์เหล่าอื่น.
พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเจ้า
แผ่นดินมคธ จอมเสนาทรงพระนามว่า พิมพิสาร มิได้ทรงทำหม่อมฉันให้
ขัดเคือง แม้เจ้าลิจฉวีเมืองเวสาลี ก็มิได้ทรงทำให้หม่อมฉันขัดเคือง แม้
พระราชาที่เป็นปฏิปักษ์เหล่าอื่น ก็มิได้ทำให้หม่อมฉันขัดเคือง ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญในแว่นแคว้นของหม่อมฉัน มีโจรชื่อว่าองคุลิมาล เป็นคนหยาบช้า
มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจในการฆ่าตี ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย
องคุลิมาลโจรนั้น กระทำบ้านไม่ไห้เป็นบ้านบ้าง กระทำนิคมไม่ให้เป็นนิคมบ้าง
กระทำชนบทไม่ให้เป็นชนบทบ้าง เขาเช่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อย
เป็นพวงทรงไว้ หม่อมฉันจักกำจัดมันเสีย.
ภ. ดูก่อนมหาราช ถ้ามหาบพิตรพึงทอดพระเนตรองคุลิมาลผู้ปลงผม
และหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เว้นจากการ
ฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการพูดเท็จ ฉันภัตตาหารหนเดียว
ประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม มหาบพิตรจะพึงทรงกระทำ
อย่างไรกะเขา.
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันพึงไหว้ พึงลุกรับ พึงเชื้อเชิญ
ด้วยอาสนะ พึงบำรุงเข้าด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัช
บริขารหรือพึงจัดการรักษาป้องกันคุ้มครองอย่างเป็นธรรม ข้าแต่พระองค์

ผู้เจริญ แต่องคุลิมาลโจรนั้น เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม จักมีความสำรวม
ด้วยศีลเห็นปานนี้ แต่ที่ไหน.
[528] ก็สมัยนั้น ท่านพระองคุลิมาลนั่งอยู่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค
เจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นชี้ตรัส บอกพระเจ้าปเสน-
ทิโกศลว่า ดูก่อนมหาบพิตร นั่นองคุลิมาล. ลำดับนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงมีความกลัว ทรงหวาดหวั่น พระโลมชาติชูชันแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงทราบว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกลัว ทรงหวาดหวั่น มีพระโลมชาติ
ชูชันแล้ว จึงได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า อย่าทรงกลัวเลย มหาบพิตร
อย่าทรงกลัวเลย มหาบพิตร ภัยแต่องคุลิมาลนี้ไม่มีแก่มหาบพิตร. ครั้งนั้น
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงระงับความกลัว ความหวาดหวั่น หรือโลมชาติชูชัน
ได้แล้ว จึงเสด็จเข้าไปหาท่านองคุลิมาลถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้ตรัสกะท่าน
องคุลิมาลว่า ท่านผู้เจริญ พระองคุลิมาลผู้เป็นเจ้าของเรา.
ท่านพระองคุลิมาลถวายพระพรว่า อย่างนั้น มหาบพิตร.
ป. บิดาของพระผู้เป็นเจ้ามีโคตรอย่างไร มารดาของพระผู้เป็นเจ้า
มีโคตรอย่างไร.
อ. ดูก่อนมหาบพิตร บิดาชื่อ คัคคะ มารดาชื่อ มันตานี.
ป. ท่านผู้เจริญ ขอพระผู้เป็นเจ้าคัคคะมันตานีบุตร จงอภิรมย์เถิด
ข้าพเจ้าจักทำความขวนขวาย เพื่อจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัย-
เภสัชบริขาร แก่พระผู้เป็นเจ้าคัคคะมันตานีบุตร.
ก็สมัยนั้น ท่านองคุลิมาล ถือการอยู่ในป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑ-
บาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือผ้าสามผืนเป็นวัตร. ครั้งนั้น ท่าน
องคุลิมาลได้ถวายพระพรพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า อย่าเลย มหาบพิตร ไตรจีวร
ของอาตมภาพบริบูรณ์แล้ว.

ทูลลากลับ



[529] ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจึงประทับนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์นัก
ไม่เคยมีมา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทรมานได้ซึ่งบุคคลที่ใคร ๆ ทรมานไม่ได้
ทรงยังบุคคลที่ใคร ๆ ให้สงบไม่ได้ ให้สงบได้ ทรงยังบุคคลที่ใคร ๆ ให้ดับ
ไม่ได้ ให้ดับได้ เพราะว่าหม่อมฉันไม่สามารถจะทรมานผู้ใดได้ แม้ด้วย
อาชญา แม้ด้วยศาสตรา ผู้นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทรมานได้โดยไม่ต้องใช้
อาชญา ไม่ต้องใช้ศาสตรา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอทูลลาไปใน
บัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ขอมหา-
บพิตรจงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศ
เสด็จลุกจากที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว เสด็จหลีกไป.
[530] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระองคุลิมาลครองอันตรวาสกแล้ว
ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังพระนครสาวัตถี. กำลังเที่ยวบิณฑบาต
ตามลำดับตรอกอยู่ในพระนครสาวัตถี ได้เห็นสตรีคนหนึ่งมีครรภ์แก่หนัก
ครั้นแล้วได้มีความดำริว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองหนอ สัตว์ทั้งหลายย่อม
เศร้าหมองหนอ ดังนี้. ครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาลเที่ยวบิณฑบาตในพระ-
นครสาวัตถี เวลาปัจฉาภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
เวลาเช้า ข้าพระองค์ครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาต
ยังพระนครสาวัตถี กำลังเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกอยู่ในพระนคร