เมนู

ทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร



[524] องคุลิมาโจรได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแต่ไกล.
ครั้นแล้ว เขาได้มีความดำริว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีเลย พวกบุรุษ
สิบคนก็ดี ยี่สิบคนก็ดี สามสิบคนก็ดี สี่สิบคนก็ดี. ก็ยังต้องรวมเป็นพวก
เดียวกันเดินทางนี้ แม้บุรุษพวกนั้นยังถึงความพินาศเพราะมือเรา เออก็สมณะ
นี้ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนชรอยจะมาข่ม ถ้ากระไร เราพึงปลงสมณะเสียจากชีวิต
เถิด. ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรถือดาบและโล่ผูกสอดแล่งธนู ติดตามพระผู้มี
พระภาคเจ้าไปทางพระปฤษฏางค์. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาล
อิทธาภิสังขาร โดยประการที่องคุลิมาลโจรจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จไปตามปกติ.
ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้มีความดำริว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคย
มีเลย ด้วยว่าเมื่อก่อน แม้ช้างกำลังวิ่ง ม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เนื้อกำลัง
วิ่ง เราก็ยังวิ่งตามจับได้ แต่ว่าเราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะนี้ซึ่งเดิน
ไปตามปรกติดังนี้ จึงหยุดยืนกล่าวกะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า จงหยุดก่อนสมณะ
จงหยุดก่อนสมณะ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล
ท่านเล่า จงหยุดเถิด.
[525] ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรดำริว่า สมณศากยบุตรเหล่านั้น
มักเป็นคนพูดจริง มีปฏิญญาจริง แต่สมณะรูปนี้เดินไปอยู่เทียว กลับพูดว่า
เราหยุดแล้วองคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด ถ้ากระไร เราพึงถามสมณะรูปนี้
เถิด. ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถา ความว่า

ดูก่อนสมณะ ท่านกำลังเดินไป ยัง
กล่าวว่า เราหยุดแล้ว และท่านยังไม่หยุด
ยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่าไม่หยุด
ดูก่อนสมณะ ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความนี้
กะท่าน ท่านทยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้า
ยังไม่หยุดแล้วเป็นอย่างไร.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนองคุลิมาล เราวางอาชญาใน
สรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่าหยุดแล้วใน
กาลทุกเมื่อ ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์
ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น เราจึงชื่อว่าหยุด
แล้ว ท่านยังไม่หยุด.

องคุลิมาลโจรทูลว่า
ดูก่อนสมณะ ท่านอันเทวดามนุษย์
บูชาแล้ว แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่มาถึง
ป่าใหญ่เพื่อจะสงเคราะห์ข้าพเจ้าสิ้นกาล-
นานหนอ ข้าพเจ้านั้นจักประพฤติละบาป
เพราะพึงคาถาอันประกอบด้วยธรรมของ
ท่าน องคุลิมาลโจรกล่าวดังนี้แล้ว ได้ทิ้ง
ดาบและอาวุธลงในเหวลึกมีหน้าผาชัน
องคุลิมาลโจรได้ถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระสุคต แล้วได้ทูลขอบรรพชากะ
พระสุคต ณ ที่นั้นเอง. ก็แลพระพุทธเจ้า

ผู้ทรงประกอบด้วยพระกรุณา ทรงแสวง-
หาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นศาสดาของโลกกับ
ทั้งเทวโลก ได้ตรัสกะองคุลิมาลโจรใน
เวลานั้นว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด อันนี้
แหละเป็นภิกษุภาวะขององคุลิมาลโจรนั้น
ดังนี้.

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระองคุลิมาลเป็นปัจฉาสมณะ เสด็จ
จาริกไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดยลำดับ เสด็จถึงพระนครสาวัตถี
แล้ว.

เสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า



[526] ได้ยินว่า ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ้ก็สมัยนั้น
หมู่มหาชนประชุมกันอยู่ที่ประทูพระราชวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ส่งเสียง
อื้ออึงว่า ข้าแต่สมมติเทพ ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อว่าองคุลิมาล
เป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจในการฆ่าดี ไม่มีความกรุณาใน
สัตว์ทั้งหลาย องคุลิมาลโจรนั้น กระทำบ้านไม่ให้เป็นบ้านบ้าง กระทำนิคม
ไม่ให้เป็นนิคมบ้าง กระทำชนบทไม่ให้เป็นชนบทบ้าง เขาเข่นฆ่าพวกมนุษย์
แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงทรงไว้ ขอพระองค์จงกำจัดมันเสียเถิด.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากพระนครสาวัตถี ด้วย
กระบวนม้าประมาณ 500 เสด็จเข้าไปทางพระอารามแต่ยังวันทีเดียว เสด็จไป
ด้วยพระยานจนสุดภูมิประเทศที่ยานจะไปได้ เสด็จลงจากพระยานแล้ว ทรง